2 สิ่งนี้ ที่หาได้ยากในโลก…
ในโลกนี้มีคนอยู่มากมายหล้ายพันล้านคน แต่ถ้าจะหาคนที่มาทำดีกับเรา คอยห่วงใยเรา รักและปรารถนาดีต่อเราในทุกครั้ง ทุกโอกาส และทุกลมหายใจแล้ว ก็คงมีเพียงไม่กี่คนอย่างแน่นอน
เมื่อมีคนมาทำความดีกับเรา มารัก มาคอยห่วงใย มาปรารถนาดีต่อเราทุกลมหายใจอย่างนี้แล้ว ตัวเราเองในฐานะที่เป็นผู้รับความรัก ความห่วงใย ความปรารถนาดีจากท่าน ก็ควรทำหน้าที่ของตนให้ดี ปฏิบัติต่อท่านให้สมกับที่ท่านทำดีต่อเรา
แล้วใครกันล่ะ ที่จะมารัก หวังดี และปรารถนาดีต่อเราทุกลมหายใจ และใครกันล่ะ ที่เมื่อได้รับความรัก ความหวังดี และความปรารถนาดีจากผู้อื่นทุกลมหายใจแล้ว สามารถปฏิบัติหน้าที่ตอบแทนท่านได้อย่างเหมาะสม สมกับที่ท่านได้ปฏิบัติดีต่อเรา มาถึงตรงนี้ ผมกำลังพูดถึงบุคคลปริศนา บุคคลที่หาตัวได้ยากยิ่ง เพราะถึงแม้ว่าในชีวิตประจำวัน เราจะเจอตัวเขาแล้ว แต่ก็ไม่แน่ว่า จะใช่คนที่ผมกำลังพูดถึงนี้จริงๆ หรือไม่
บุคคลที่กำลังพูดถึงนี้ คือบุคคลที่หาได้ยากยิ่งในโลกนี้ ได้แก่ บุคคล 2 ประเภทนี้ คือ
1. บุพการี แปลว่า ผู้ทำความดีกับคนอื่นก่อน ซึ่งอาจจะหวังผลตอบแทนหรือไม่อย่างไรก็ตาม ก็จัดอยู่ในความหมายของคำว่า “บุพการี”
ซึ่งคำว่า “บุพการี” ในที่นี้ อาจมีความหมายรวมถึง พ่อ แม่ ญาติผู้ใหญ่ หรือใครก็ได้ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเราก่อน โดยที่เราอาจจะขอร้องให้ช่วยหรือไม่ก็ตาม คนประเภทนี้ จัดได้ว่าหาได้ยากยิ่ง เพราะจะมีสักกี่ครั้งในชีวิตจริง เมื่อเรามีปัญหา หรือต้องการความช่วยเหลือแล้ว คนเหล่านี้จะอาสายื่นมือเข้ามาช่วยอย่างจริงใจ และเต็มกำลังความสามารถ
แต่คำว่า “บุพการี” ในความหมายที่ต้องการในที่นี้ ได้แก่ บิดา มารดา หรือ คุณพ่อคุณแม่ของเรานั่นเอง เพราะสิ่งที่ท่านได้ทำให้บุตรธิดาของท่านนั้นตั้งแต่ต้นจนกระทั่งปัจจุบัน เป็นการทำดีให้โดยปราศจากการคาดหวังที่จะได้ค่าจ้างรางวัล สิ่งตอบแทน เป็นการทำดีให้ลูกโดยอัตโนมัติไม่ต้องเรียกร้องขอจากลูกๆ แต่อย่างใด
สิ่งที่พ่อแม่ทำให้กับลูก ซึ่งเรียกว่าเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ในทางพระพุทธศาสนากล่าวไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า
- ห้ามทำชั่ว คือ ห้ามลูกไม่ให้ทำความชั่ว หรือสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ อันจะส่งผลให้ชีวิตของลูกต้องตกต่ำ ไม่เจริญ
- ยั่วให้ทำดี คือ อบรมสั่งสอนลูกให้ทำแต่ความดี เพื่อความสุขความเจริญในชีวิต
- มีการศึกษา คือ ให้การศึกษาอบรมกับลูกเป็นอย่างดี โดยการส่งเสียให้ได้รับการศึกษาอบรม เพื่อจะได้นำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการประกอบสัมมาอาชีพเลี้ยงตนและครอบครัวต่อไปในอนาคต
- หาคู่ครองโดยชอบ คือ จัดการงานแต่ง หรือดูแลค่าสินสอดทองหมั้นให้ลูกชายหรือลูกสาวที่ต้องแต่งงานออกเรือนเป็นฝั่งเป็นฝา ทำหน้าที่สืบทอดวงศ์ตระกูลสืบไป
- มอบทรัพย์มรดก คือ มอบทรัพย์สินมรดก กิจการต่างๆ ให้ในเวลาที่เหมาะสม
พ่อแม่ได้ทำหน้าที่ของ “บุพการี” ด้วยการให้กำเนิดลูก และได้ประคับประคองดูแลเป็นอย่างดี ผ่านหน้าที่ทั้ง 5 นี้ โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ จากลูก แต่จะว่าไม่หวังผลตอบแทนใดๆ เลยก็ออกจะเว่อร์ไป ความจริงแล้วในใจลึกๆ ของท่านก็ตั้งความหวังในตัวลูกของท่านเหมือนกัน ความหวังที่ว่านี้ก็คือ หวังให้ลูกเกิดมาสมบูรณ์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ มีการศึกษา มีอาชีพ ตำแหน่งหน้าที่การงาน มีคู่ครอง มีหลักมีฐาน เจริญรุ่งเรืองด้วยชื่อเสียงเกียรติยศ และความหวังสุดท้ายก็คือ “หวังให้ลูกดูแลท่านในยามแก่ชรา และคอยปิดตาให้เวลาตาย” พ่อแม่จึงกลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่หาได้ยากในโลก จำพวกแรก เพราะไม่มีใครในโลกนี้จะทำดีกับเราได้เสมอเหมือนกับท่านอีกแล้ว
พ่อแม่เป็นหนึ่งในบุคคลที่หาได้ยากในโลก จำพวกแรก
2. กตัญญู กตเวที หมายถึง ผู้ที่นอกจากจะรู้คุณท่านแล้ว ยังได้ทำตอบแทนบุญคุณท่านด้วย บุคคลที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ ก็ได้แก่บุตรธิดาหรือว่าลูกๆ นั่นเอง ลูกๆ เมื่อได้รับการดูแล สนับสนุน เกื้อกูล เอาใจใส่จากพ่อแม่เป็นอย่างดีเช่นนี้แล้ว ก็ควรที่จะทำหน้าที่อบแทนบุญคุณท่าน ผ่านหน้าที่ทั้ง 5 หน้าที่ ดังต่อไปนี้
- ดูแลท่านตอบ คือ เมื่อท่านเลี้ยงดูเรามา ในยามท่านแก่ชราก็เลี้ยงดูท่านตอบ
- ชอบช่วยเหลืองาน คือ คอยทำงานต่างๆ ช่วยเหลือท่าน
- วงศ์วานสืบตระกูล คือ ดำรงวงศ์ตระกูลของท่าน โดยการแต่งานมีหลานให้ท่านอุ้ม สืบต่อรับช่วงกิจการงานของท่าน
- สมบูรณ์ทายาท คือ ทำตัวเองให้มีความรู้ความสามารถ มีความดี เหมาะสมกับการรับทรัพย์มรดก
- ตักบาตรอุทิศให้ คือ เมื่อท่านเสียชีวิตไปแล้ว ก็หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน
เมื่อลูกๆ ทำหน้าที่ตอบแทนพ่อแม่ได้ครบทั้ง 5 ข้อนี้แล้ว ก็จัดได้ว่า เป็นผู้ที่มีคุณธรรมคือ “ความกตัญญู และ ความกตเวที”
กตัญญู แปลว่า รู้บุญคุณของท่าน (เป็นผู้รู้จักคุณคน รู้บุญคุณ ไม่ลืมคุณคน)
กตเวที แปลว่า ผู้ทำตอบแทนบุญคุณของท่าน คือหาโอกาสตอบแทนให้ได้ เมื่อได้โอกาสแล้ว ก็ตอบแทนบุญคุณของท่านโดยทันทีไม่รีรอ
ลูกๆ ที่รู้คุณพ่อแม่และทำหน้าที่ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ได้อย่างที่กล่าวมาแล้ว จึงเป็นบุคคลที่หาได้ยากในโลก เพราะนอกจากลูกแล้วก็ไม่มีใครที่จะทำหน้าที่รู้คุณและตอบแทนคุณพ่อแม่ได้ดีเท่ากับลูกแล้ว
บุคคลทั้ง 2 จำพวกนี้ เป็นบุคคลที่หาได้ยากในโลก เพราะเป็นบุคคลพิเศษ บุคคลที่มีหน้าที่เฉพาะทาง หน้าที่ของพ่อแม่ที่ต้องทำให้ลูกแต่ละอย่าง ล้วนจำเพาะเจาะจงให้คนที่เป็นพ่อเป็นแม่เท่านั้นที่ต้องจัดต้องทำ จะให้คนอื่นมาทำให้ก็ไม่สมบูรณ์ครบถ้วนเท่ากับพ่อแม่ทำเอง
หน้าที่ของลูกที่จะต้องจัดต้องทำตอบแทนให้กับผู้ที่เป็นพ่อแม่แต่ละอย่าง ก็ล้วนแล้วแต่จำเพาะเจาะจงให้คนที่เป็นลูกเท่านั้นได้กระทำตอบแทนผู้ที่เป็นพ่อแม่ คนอื่นนอกจากลูกๆ ของท่านแล้ว ก็ไม่สามารถทำหน้าที่ตรงนี้ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ได้
สรุปแล้ว ที่จัดพ่อแม่และลูกๆ ว่าเป็นบุคคลที่หาได้ยากในโลก เพราะจำแนกตามหน้าที่ที่ทำต่อกันและกัน เป็นหน้าที่ที่จำเพาะเจาะจงสำหรับคน 2 จำพวกนี้เท่านั้น ที่พึงกระทำต่อกันและอาจจำแนกได้ตามความสามารถในการทำหน้าที่ของบุคคลทั้ง 2 จำพวกนั้นประกอบด้วย
เพราะ ไม่ใช่ว่าพ่อแม่ทุกคนจะทำหน้าที่ของตนได้ครบถ้วนสมบูรณ์ไม่บกพร่อง และไม่ใช่ว่าลูกๆ ทุกคน จะสามารถแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ได้โดยครบถ้วนสมบูรณ์ได้ น้อยคนนักที่จะทำหน้าที่ของตนได้สมบูรณ์
เพราะคำว่า “บุคคลผู้หาได้ยากในโลก” คำนี้ ท่านหมายถึงบุคคลที่ทำหน้าที่ของพ่อแม่ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ไร้ที่ติ และหมายถึงลูกๆ ที่ทำหน้าที่ของตนเอง ปฏิบัติหน้าที่ให้การตอบแทนพ่อแม่ได้อย่างดีเยี่ยม ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดเท่านั้น บุคคลทั้ง 2 จำพวกนี้ จึงกลายเป็น “บุคคลที่หาได้ยากในโลก”
“แพรว…ด้วยความรู้ – พราว…ด้วยประสบการณ์”