คำมูล และคำประสม มีความแตกต่างกัน เพราะว่า คำมูล คือ คำพื้นฐานที่มีความหมายสมบูรณ์ในตัวเอง กล่าวคือ เป็นคำที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะอาจเป็นคำไทยดั้งเดิมหรือเป็นคำที่มาจากภาษาอื่น ก็ได้ และจะเป็นคำ ” พยางค์ ” เดียวหรือหลายพยางค์ก็ได้
ส่วนคำประสมนั้น คือ คำที่สร้างจากคำมูลตั้งแต่สองคำขึ้นไป เกิดเป็นคำใหม่ มีความหมายใหม่ แต่ยังมีเค้าของความหมายเดิม ส่วนมากมักเป็นการประสมคำระหว่างคำไทยกับคำไทยแต่อาจมีคำประสมบางคำที่ประสมระหว่างคำไทยกับคำภาษาอื่น ดังนั้น จึงต้องมีการแยกแยะจำแนกประเภทและลักษณะของคำมูลและคำประสมให้ชัดเจน เพื่อประโยชน์ในการนำเอาคำเหล่านี้ไปใช้ในงานเขียน งานประพันธ์ และการให้ความหมายของคำในประโยคการสื่อสารได้อย่างถูกต้องต่อไป
![](https://www.praewprouds.com/wp-content/uploads/2023/03/คำมุลVSคำประสม-1024x608.png)
คำมูล
คำมูล คือ คำพื้นฐานที่มีความหมายสมบูรณ์ในตัวเอง กล่าวคือ เป็นคำที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะอาจเป็นคำไทยดั้งเดิมหรือเป็นคำที่มาจากภาษาอื่น ก็ได้ และจะเป็นคำ ” พยางค์ ” เดียวหรือหลายพยางค์ก็ได้
“พยางค์” คือ เสียงที่เปล่งออกมาครั้งหนึ่งๆ ซึ่งจะมีความหมายหรือไม่ก็ได้ วิธีนับว่ามีกี่พยางค์นั้นโดยเมื่อเราอ่านออกเสียง ๑ ครั้ง ถือว่าเป็น ๑ พยางค์ ถ้าออกเสียง ๒ ครั้งถือว่าเป็น ๒ พยางค์
เช่น สิงโต (สิง-โต) มี ๒ พยางค์
จักรวาล (จัก-กระ-วาน) มี ๓ พยางค์
มหาวิทยาลัย (มะ-หา-วิด-ทะ-ยา-ลัย) มี ๖ พยางค์ เป็นต้น
คำมูลแบ่งเป็น ๒ ชนิด คือ
๑.คำมูลพยางค์เดียว เช่น เพลง,ชาม,พ่อ,ยืน,หิว,ยิ้ม,สุข,ใน ( คำไทยแท้ ) ฟรี,ไมล์,ธรรม ( คำที่มาจาก
ภาษาอื่น )ตัวอย่างของคำมูล
ภาษาไทย – พ่อ แม่ หมู หมา แมว น้อง
ภาษาจีน – เกี๊ยะ เกี๊ยว เจี๊ยะ แป๊ะ ซิ้ม
ภาษาอังกฤษ – ไมล์ เมตร ปอนด์ ฟุต
๒. คำมูลหลายพยางค์ เป็นคำหลายพยางค์ เมื่อแยกแต่ละพยางค์แล้ว อาจมีความหมายหรือไม่มีความหมายก็ได้ แต่ความหมายของแต่ละพยางค์ไม่เกี่ยวข้องกับความหมายของคำมูลนั้นเลย เช่น กระดาษ ศิลปะ กำมะลอ หรือกล่าวได้ว่า คำมูล คือคำที่มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
๒.๑ ประกอบด้วยพยางค์ที่ไม่มีความหมาย เช่น จิ้งหรีด จะเห็นว่าพยางค์ ” จิ้ง ” และ ” หรีด ” ต่างก็ไม่มีความหมาย
๒.๒ ประกอบด้วยพยางค์ที่มีความหมายเพียงบางพยางค์ เช่น กิริยา จะเห็นว่าพยางค์ ” ยา ” มีความหมายเพียงพยางค์เดียว
๒.๓ ประกอบด้วยพยางค์ที่มีความหมาย แต่ความหมายของคำนั้นไม่มีเค้าความหมายของแต่ละพยางค์เหลืออยู่เลย
ข้อสังเกตคำมูล
คำมูลหลายพยางค์ ควรดูว่าในคำหลายพยางค์นั้นมีความหมายทุกพยางค์หรือไม่ ถ้ามีความหมายบ้างไม่มีความหมายบ้างเป็นคำมูลหลายพยางค์ เช่น
มะละกอ = คำมูล ๓ พยางค์ นาฬิกา = คำมูล ๓ พยางค์
มะ = ไม่มีความหมาย นา = มีความหมาย
ละ = มีความหมาย ฬิ = ไม่มีความหมาย
กอ = มีความหมาย กา = มีความหมาย
คำประสม
คำประสม
คำประสม คือ คำที่สร้างจากคำมูลตั้งแต่สองคำขึ้นไป เกิดเป็นคำใหม่ มีความหมายใหม่ แต่ยังมีเค้าของความหมายเดิม ส่วนมากมักเป็นการประสมคำระหว่างคำไทยกับคำไทยแต่อาจมีคำประสมบางคำที่ประสมระหว่างคำไทยกับคำภาษาอื่น
ลักษณะสำคัญของคำประสม
๑. .เกิดจากคำมูลตั้งแต่สองคำขึ้นไปมาประสมกัน แล้วเกิดความหมายใหม่แต่ยังมีเค้าความหมายเดิมอยู่เช่น
พ่อตา หมายถึง พ่อของภรรยา | ประสมกันระหว่างคำว่า | พ่อ หมายถึง สามีของแม่ ตา หมายถึง ด่อของแม่ |
ลูกน้ำ หมายถึง ลูกของยุง | ประสมกันระหว่างคำว่า | ลูก หมายถึง บุตร น้ำ หมายถึง ของเหลว |
๒. สามารถแยกเป็นคำๆได้ และคำที่แยกได้แต่ละคำมีความหมายต่างกัน เมื่อนำมารวมกันความหมายต่างจากคำเดิม เช่น
แม่ หมายถึง หญิงผู้ให้กำเนิด บ้าน หมายถึง ที่อยู่อาศัย | = | แม่บ้าน หมายถึง หญิงผู้จัดการงานในบ้าน |
คอ หมายถึง ส่วนของร่างกายที่ต่อศีรษะกับลำตัว ห่าน หมายถึง สัตว์เลี้ยงจำพวกเป็ด คอยาว | = | คอห่าน หมายถึง ส่วนของโถส้วม |
๓. คำที่มาประสมกันจะเป็นคำมูลในภาษาใดก็ได้ เช่น
เข็มทิศ | มาจากคำในภาษา | ไทย + สันสกฤต |
รถเก๋ง | “ | บาลี + จีน |
ห้องโชว์ | “ | ไทย + อังกฤษ |
ราชวัง | “ | บาลี + ไทย |
ปักษ์ใต้ | “ | สันสกฤต + ไทย |
โปรแกรมหนัง | “ | อังกฤษ + ไทย |
๔. ประสมที่เกิดจากคำมูล ซึ่งมีลักษณะเป็นการย่อคำหลาย ๆ คำ ส่วนมากมักจะขึ้นต้นด้วยคำว่า นัก ชาว ช่าง หมอ การ ความ ผู้ ของ เครื่อง เช่น
นัก | นักร้อง นักเขียน นักเรียน นักสู้ นักเลง นักรัก นักวิทยาศาสตร์ ฯลฯ |
ชาว | ชาวบ้าน ชาวเมือง ชาวนา ชาววัง ชาวไร ชาวดอย ชาวเขา ชาวเล ฯลฯ |
ช่าง | ช่างไม้ ช่างเสริมสวย ช่างปูน ช่างไฟฟ้า ช่างกล ช่างยนต์ ช่างพูด ฯลฯ |
หมอ | หมอดู หมอความ หมอยา หมอผี หมอหนวด ฯลฯ |
การ | การบ้าน การเมือง การไฟฟ้า การเงิน การคลัง การโรงแรม ฯลฯ |
ความ | ความดี ความชั่ว ความสุข ความร้อน ความหนาว ความเย็น ความทุกข์ ความเหนื่อยล้า ฯลฯ |
ผู้ | ผู้ใหญ่ ผู้ดี ผู้อำนวยการ ผู้น้อย ผู้ร้าย ผู้ช่วย ผู้ต้องหา ฯลฯ |
ของ | ของใช้ ของไหว้ ของเล่น ของตาย ของชำร่วย ของขลัง ของกลาง ฯลฯ |
เครื่อง | เครื่องหมาย เครื่องบิน เครื่องมือ เครื่องครัว เครื่องใน ฯลฯ |
ที่ | ที่นอน ที่ดิน ที่เขี่ยบุหรี่ ที่เที่ยว ที่พัก ที่กิน ที่ดำเนิน ที่นั่ง ที่ทาง ฯลฯ |
๕. ประสม จะเป็นคำชนิดใดประสมกันก็ได้ เช่น
นาม + นาม | เช่น | แม่น้ำ พ่อบ้าน แปรงฟัน แมวน้ำ ปลาทะเล ฯลฯ |
นาม + กริยา | “ | แบบเรียน เข็มกลัด เข็มเข็ด ยาดม ยานวด ฯลฯ |
กริยา + นาม | “ | เล่นตัว เข้าใจ ได้หน้า กินใจ ทำตัว ฯลฯ |
กริยา + กริยา | “ | ต้มยำ พิมพ์ดีด จดจำ ท่องจำ กล่าวขาน ตบตี สั่นสู้ ฯล |
นาม + วิเศษณ์ | “ | น้ำแข็ง ถั่วเขียว สะพานแดง หัวหอม ฯลฯ |
บุพบท + นาม | “ | ข้างถนน นอกคอก ต่อหน้า ลับหลัง กับข้าว ฯลฯ |
วิเศษณ์ + วิเศษณ์ | “ | อ่อนหวาน หวานเย็น สูงลิ่ว ฯลฯ |
วิเศษณ์ + นาม | “ | อ่อนข้อ สองหัว ฯลฯ |
หลักการสังเกตคำประสม
คำมูลตั้งแต่สองคำขึ้นไปรวมกัน เกิดคำใหม่ มีความหมายใหม่ เป็นคำประสม ตัวอย่าง เช่น
พัดลม | หมายถึง | เครื่องพัดให้เย็นด้วยแรงไฟฟ้า |
มือแข็ง | “ | ไม่ค่อยยกมือไหว้คนง่ายๆ |
เสื้อกล้าม | “ | เสื้อชั้นในชาย |
ลูกน้อง | “ | ผู้ที่คอยติดสอยห้อยตาม |
คำมูลตั้งแต่สองคำขึ้นไปรวมกัน ไม่เกิดความหมายใหม่ ไม่ใช่คำประสม ตัวอย่างเช่น
ลมพัด | หมายถึง | ลมโชยมา |
มือขาด | “ | มือถูกสิ่งใดสิ่งหนึ่งตัดขาด |
คอเจ็บ | “ | คออักเสบ |
สรุป
คำประสม คือ คำมูลสองคำขึ้นไปประสมกัน เกิดคำใหม่ มีความหมายใหม่ เช่น
น้ำ + ยา + ล้าง + จาน | เป็น | น้ำยาล้างจาน |
ไม้ + แขวน + เสื้อ | เป็น | ไม้แขวนเสื้อ |
คำมูลสองคำขึ้นไปรวมกันไม่เกิดคำใหม่ ไม่เกิดความหมายใหม่ ไม่ใช่คำประสม เช่น
หางเสือ | หมายถึง | หางของเสือ (เป็นวลี ไม่ใช่คำประสม) |
หางเสือ | “ | หางเสือเรือ (เป็นคำประสม) |
ผ้าขาว | “ | ผ้าสีขาว (เป็นคำวลี ไม่ใช่คำประสม) |
น้ำขาว | “ | น้ำเมา (เป็นคำประสม) |
ปูตาย | “ | ปูแสดงอาการตาย (เป็นประโยค ไม่ใช่คำประสม) |
ปูม้า | “ | ปูทะเลชนิดหนึ่ง (เป็นคำประสม) |
ข้อสังเกตคำประสม
๑) คำประสมจะเป็นวิทยาการสมัยใหม่ เช่น เตารีด หม้อหุงข้าวไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ พัดลม ตู้เย็น เครื่องอบผ้า เครื่องซักผ้า เครื่องดูดฝุ่น ฯลฯ
๒) คำประสมเป็นคำเดียวกันจะแยกออกจากกันไม่ได้ ความหายจะไม่เหมือนเดิม เช่น นางแบบ รับรอง มนุษย์กบ คำประสมจะเป็นคำใหม่เกิดขึ้น
๓) วิธีสังเกตค่ำประสมนักจะมีลักษณะนามให้เห็นอย่างเด่นชัด เช่น ใบนี้ คนนี้ ชุดนี้ ฯลฯ เช่น วันนี้ไม่มีคนใช้คนนี้เลย (คำประสม)
๔) คำประสมที่ขึ้นตนด้วยคำว่า “ลูก แม่” ต้องหมายถึงคนจึงจะเป็นคำประสม เช่น ลูกเสือ (คน) แม่มด (คน) ถ้าเป็นลูกของเสือ แม่ของมด จะเป็นคำเรียงกันธรรมดา ยกเว้น ลูกน้ำเป็นคำประสม เพราะมีความหมายเปลี่ยนไป ไม่ใช่ลูกของน้ำ แต่เป็นลูกของยุง เป็นต้น
![](https://www.praewprouds.com/wp-content/uploads/2023/03/12-1-1024x576.jpg)