pin up1 winaviator mostbetpinup casino1 winmostbet kzmosbet casinoaviatorlucky jet1 winpin up casino india1win slotlucky jet casinopinup az4r betmosbet indiamosbet aviatormostbet casino1win kz1 win4rabet indiapin-up kzmosbetmosbet1 win1win1win aviatorpin upparimatchlucky jet4rabetмостбет1win loginpin up 777mostbet1 вин авиаторpin uplucky jet1 winpin up4rabetpinupmosbet1 winmostbet azluckygetmostbetmosbetmostbet casino1wınparimatch

กาลเวลา : รู้ไหมว่า เวลานั้น สำคัญไฉน ?

กาลเวลา : รู้ไหมว่า เวลานั้นสำคัญกับชีวิตของเรามากแค่ไหน

กาลเวลานั้น มีความสำคัญมาก เพราะเมื่อกล่าวถึงเวลาแล้ว พระพุทธศาสนาได้ให้ความสำคัญกับลเวลาที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของคนเราเป็นอย่างมาก ดังเช่นคำสอนที่ว่า "บุคคลไม่ควรตามระลึกสิ่งที่ล่วงมาแล้วด้วยอาลัย และไม่พึงพะวงถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง แต่ควรตั้งจิตไว้ในขณะที่เกิดขึ้นอยู่เฉพาะหน้า (ปัจจุบันขณะ)"

หมายความว่า บุคคลไม่ควรไปเสียเวลากับการเรียกร้อง อาลัยอาวรณ์กับสิ่งที่เป็นอดีต ปรารถนาที่จะได้โอกาสอีกสักครั้งที่จะย้อนเวลา เพื่อกลับไปแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดในอดีต อย่ามัวแต่คิดวาดฝันสร้างวิมานในอากาศโดยไม่ลงมือทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

คือ ให้ฝันได้ วางแผนอนาคตได้ แต่อย่าลืมลงมือทำตามความฝัน ลงมือทำตามแผนที่ได้วางเอาไว้ด้วย มิเช่นนั้นแล้วก็จะกลายเป็น "ฝันเฟื่อง" ไปได้

พระพุทธศาสนาของเรา สอนให้คนเราให้ความสำคัญกับสิ่งที่เกิดขึ้นจำเพาะหน้า หรือ ปัจจุบันขณะ อันหมายถึง ขณะนี้ ที่นี่ เดี๋ยวนี้ เท่านั้น

ซึ่งเป็นขณะเวลาที่เราอาจสามารถควบคุมหรือบังคับได้ว่า ต้องการที่จะคิด พูด หรือทำอะไรได้ ที่ต้องใช้คำว่า "อาจ"

เพราะแม้กระทั่งปัจจุบันขณะเองที่ดูเหมือนว่าเราจะสามารถควบคุมหรือบังคับให้เป็นไปได้ดั่งที่ใจเราวาดหวัง บางทีก็อาจจะมีปัจจัยอื่นมาแทรกแซงบีบคั้น ทำให้ไม่สามารถคิด พูด หรือทำอะไรได้อย่างที่ต้องการอยากจะให้เป็น เข้าในหลักอนัตตา คือไม่สามารถควบคุมบังคับบัญชาให้เป็นไปอย่างที่ใจเรามุ่งมาตรปรารถนาหวังใจไว้ได้

นี่กล่าวถึงเฉพาะในปัจจุบันขณะ จะป่วยกล่าวไปไยถึงอดีตและอนาคตเล่า

ถึงแม้ว่าปัจจุบันขณะนี้ จะเป็นขณะที่สำคัญที่สุด เพราะจะเป็นตัวกำหนดให้ผลแห่งอนาคตเป็นอย่างไร แต่ความเป็นจริงแล้ว ก็ไม่ควรดูหมิ่นอดีตที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถหวนกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกก็ตาม แต่อย่างน้อย อดีตที่ผ่านมาก็ควรที่ได้ได้เป็นบทเรียนให้เราไม่ก้าวซ้ำรอยผิดพลาดแบบเดิมนั้นอีก

อนาคตกาลก็เช่นเดียวกัน ไม่ควรที่จะดูถูกดูหมิ่นเสียทีเดียวว่าไม่สำคัญอะไร เพราะการวาดหวังตั้งใจว่าเราจะมีชีวิตอย่างไร จะเป็นอะไร อย่างไรในอนาคตก็มีผลต่อปัจจุบันไม่แพ้กัน (อธิษฐานบารมี)

เพียงแต่ว่า การวาดหวังถึงอนาคตของเราต้องมีความเป็นไปได้ และต้องผ่านการลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังเป็นขั้นตอน เพื่อกรุยทางไปสู่ความสำเร็จหรือสิ่งที่หวังจะมีจะเป็นได้อย่างที่ตั้งใจไว้อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่ "ฝันเฟื่องไปวันๆ"

จะอย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะเป็นเข็มทิศชี้ทิศทางให้ชีวิตของเรา มุ่งไปสู่เป้าหมายในชีวิตได้อย่างแท้จริง สิ่งที่จะเป็นฟันเฟืองผลักดันให้ชีวิตของเราสมหวังหรือล้มเหลว ถูกต้องหรือผิดพลาด ถูกทางหรือผิดทาง ก็มีแต่เพียงปัจจุบันขณะเท่านั้นที่ทำได้

ปัจจุบันขณะจึงสำคัญกับเราอย่างยวดยิ่ง เพราะเราสามารถใช้เวลาขณะนี้ ที่นี้ เดี๋ยวนี้ คิด พูด หรือทำในสิ่งที่จะนำพาชีวิตไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ความสำเร็จ สมปรารถนาได้อย่างที่วาดฝันไว้

และก็อีกเช่นกัน ปัจจุบันขณะ คือ เวลาขณะนี้ ที่นี้ เดี๋ยวนี้ ที่สามารถทำให้เราเลือกที่จะคิด พูด หรือทำอะไร อันอาจส่งผลให้ทิศทางแห่งชีวิตของเราผันแปรไปสู่ความเสื่อมทราม ความล้มเหลวและความตกต่ำได้เช่นกัน

ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับเวลา ณ ปัจจุบันนี้ เราเลือกที่จะเดินไปบนเส้นทางใด ดังนั้น เวลาในชีวิตของคนๆ หนึ่ง ทั้งหมดทั้งมวลที่เรามีอยู่ ก็มีจำกัดจำเขี่ย ไม่ได้มีมากมายล้นเหลือให้เราได้ใช้ทิ้งใช้ขว้างอย่างไม่เห็นคุณค่า

ชีวิตคนเราเกิดมามีอายุไม่ถึง ๑๐๐ ปี หรืออย่างมากก็เกินร้อยปีได้สักเล็กน้อย เราต้องใช้เวลาอย่างรู้คุณค่า โดยสำนึกสำเหนียกเสมอว่า "เวลาในอดีตที่ผ่านไปแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก ผ่านแล้วผ่านเลย มีประโยชน์เพียงสถานเดียว นั่นก็คือ เก็บอดีตไว้เป็นบทเรียน เพื่อที่จะไม่ก้าวพลาดซ้ำแบบเดิมอีก

หรือหากจะเป็นอดีตที่ดี มีความภาคภูมิใจ หรือให้ความสุขสมหวัง ก็ควรนำเอามาเป็นบทเรียนเพื่อรักษาความดีเช่นนั้นไว้ให้ได้ รวมถึงต่อยอดให้ได้ผลดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก"

"เวลาในอนาคต เป็นสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ยังไม่มาถึง ไม่ผิดที่เราจะวาดฝันถึงอนาคตที่ดี อนาคตที่มีความสำเร็จ แต่เมื่อเราฝันแล้วเราก็ต้องทำความฝันนั้นให้เป็นจริงด้วย

โดยเริ่มปรับเปลี่ยนความคิด การกระทำ คำพูดต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องรองรับกับภาพแห่งความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่เราหวังไว้ด้วย

แต่ก็ไม่ควรไปนึกพะวงถึงอนาคตให้มากนัก เพราะเมื่อมัวไปตระหนักถึงแต่อนาคตโดยไม่ทำอะไรเลยในปัจจุบัน เมื่อเวลาผ่านไปๆ อนาคตที่เรามุ่งหวังไว้ก็กลายมาเป็นปัจจุบัน และถูกทิ้งท้ายให้กลายเป็นอดีตได้ในที่สุด

ดังนั้น จึงไม่ควรฝันเฟื่องคิดถึงแต่เรื่องของอนาคตโดยถ่ายเดียว อนาคตมีประโยชน์เพียงสถานเดียวคือ มีไว้สำหรับเป็นเป้าหมายแห่งความสำเร็จตามที่ปรารถนาไว้ และต้องเป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้ มีความถูกต้องชอบธรรม มีความเหมาะความควร มีความดีและความงามด้วย

จากนั้นจึงค่อยๆ ใช้เวลาปัจจุบันขณะสร้างปัจจัยเพื่อปืนป่ายไต่เต้าไปสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จที่ได้ตั้งเป้าเอาไว้ในอนาคตนั้น"

"เวลา ณ ปัจจุบันสำคัญที่สุด เพราะเป็นประดุจหางเสือ ที่จะกำหนดให้นาวาชีวิตของเรานี้ หันเบนเปลี่ยนทิศทางไปสู่ความดี ความชั่ว ความสำเร็จ ความล้มเหลว ความเจริญรุ่งเรื่อง หรือความเสื่อมตกต่ำได้พอๆ กัน

ดังนั้น จึงควรกำหนดจิต กำหนดวาจา กำหนดการกระทำ พฤติกรรมทั้งปวงของเราในปัจจุบันไว้ให้ดี เอาอดีตที่ผ่านมาแล้วถอดเป็นบทเรียนสอนใจให้ปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้เป็นปัจจัยแห่งอนาคต

เมื่อทำได้เช่นนี้แล้ว ผลลัพธ์แห่งอนาคตก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคาดเดา ทำนายทายทัก หรือพยากรณ์ให้วุ่นวายอย่างแน่นอน เพราะเมื่อทำปัจจุบันอย่างไร ก็ย่อมที่จะส่งผลถึงอนาคตอย่างนั้นเ่ช่นเดียวกัน (หลักกฎแห่งกรรม) สมดังคำที่นักปราชญ์ท่านประพันธ์เอาไว้อย่างน่าคิดว่า

อดีตไม่ขยัน ปัจจุบันไม่ขวนขวาย อนาคตไม่ต้องทาย"

สมกับบทประพันธ์ที่ว่า

ตอนต้นสู้ทนทุกข์ จะได้สุขเมื่อตอนปลาย ตอนต้นชอบสบาย จะได้ร้ายเมื่อปลายมือ"

และสมกับพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า

วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรา....ทำอะไรอยู่ ...?"

อจฺเจนฺติ กาลา ตรยนฺติ รตฺติโย วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺติ

เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน ปุญฺญานิ กยิราถ สุขาวหานีติฯ

กาลทั้งหลายย่อมล่วงไป ราตรีทั้งหลายย่อมผ่านไป ชั้นแห่งวัยย่อมละลำดับไป บุคคลเมื่อเห็นภัยนี้ในมรณะ พึงทำบุญทั้งหลายที่นำความสุขมาให้

ที่มา : สํ.ส. 15/89