pin up1 winaviator mostbetpinup casino1 winmostbet kzmosbet casinoaviatorlucky jet1 winpin up casino india1win slotlucky jet casinopinup az4r betmosbet indiamosbet aviatormostbet casino1win kz1 win4rabet indiapin-up kzmosbetmosbet1 win1win1win aviatorpin upparimatchlucky jet4rabetмостбет1win loginpin up 777mostbet1 вин авиаторpin uplucky jet1 winpin up4rabetpinupmosbet1 winmostbet azluckygetmostbetmosbetmostbet casino1wınparimatch

วังหลัง ยังหวานอยู่…

ได้เวลา…ออกเดินทาง

………วันนี้มีโอกาสได้เดินทางไกลไปวังหลัง ด้วยความหวังว่าจะได้ทัศนาอะไรใหม่ๆ ให้เจริญหูเจริญตาสมกับวันนี้หนาเป็นวันหยุดรัฐธรรมนูญของไทยเรา

……….เริ่มจากโบกแท็กซี่นั่งจากจุดเริ่มต้น ดั้นด้นไปที่ท่าพระจันทร์ ผ่านบริเวณถนนลูกหลวง รู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะมีสัญญาณว่ารถจะติดยืดเยื้อยาวนาน นั่งครุ่นคิดอยู่สักพัก พี่คนขับแท็กซี่ก็หันมาคุยด้วย หลังจากที่ปล่อยให้บรรยากาศในรถเงียบงันมานานพอดู

พี่แท็กซี่หันมาปรึกษาว่า “น้องพอรู้บ้างหรือเปล่าว่า วันนี้เค้ามีปิดถนนเส้นทางไหนบ้าง

ผมตอบทันทีว่า “เมื่อเช้าอ่านผ่านเฟสบุคหรือทวีตเตอร์อะไรสักอย่างนี่แหละ เค้าบอกว่าจะมีปิดถนนอยู่ 3 เส้นทาง แต่ผมจำไม่ได้ครับ”

ช่วงที่กำลังสนทนากันอยู่นี้ สัญญาณไฟจราจรบริเวณสี่แยกด้านหน้าของเราก็คงสถานะสีเขียวนานราว 3 นาทีเศษ

พี่แท็กซี่ก็ถามผมอีกว่า “น้อง ถ้าเขาปิดถนนด้านหน้า ให้น้องลงรถได้เลยนะ แล้วเดินไปต่อวินมอเตอร์ไซค์เอา เพราะพี่คงไปต่อไม่ได้แล้วล่ะ

ผมก็คิดว่า “เอาแล้วพี่ไงพี่ ไหงมาทิ้งกันไว้ได้ลงคอ” ก็ได้แต่ตอบว่า “ได้ครับ” อย่างเสียมิได้ เพราะก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวินมอเตอร์ไซค์ที่พี่แท็กซี่กำลังพูดถึงอยู่นั้น มันอยู่ตรงไหน เพราะมองกวาดสายตาตลอดถนนฝั่งด้านขวาของทางจราจรทั้งแนวแล้ว ก็ไม่ปรากฎว่ามีวินมอเตอร์ไซค์ใดๆ เลย คิดในใจว่า “ท่าจะต้องได้เดินทางไกลแล้วล่ะ วันนี้

ผ่านไปได้ 3 นาทีเศษ การจราจรบริเวณสี่แยกด้านหน้าก็เคลื่อนตัวได้อีกครั้ง พี่แท็กซี่หันมาพูดกับผมว่า “น้อง พี่ว่าน่าจะไม่มีการปิดถนนข้างหน้านี้แล้วล่ะ ลองขับไปดูก่อนน่ะ” ผมก็ต้อบไปว่า “ได้ครับพี่” ขับไปได้เรื่อย ไม่มีสัญญาณว่าจะมีการปิดกั้นเส้นทางแต่อย่างใด จนกระทั่งมาถึงบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ผมสังเกตเห็นบริเวณสองข้างทางมีร้านค้าขายของเต็มไปหมดตลอดเส้นทางด้านซ้ายมือของถนน ทันใดนั้น พี่แท็กซี่ก็ชี้ให้ผมดู พลางพูดว่า “น้องครับ น้องสังเกตเห็นข้างทางนั่นมั้ย มีรถมาจอดเป็นแนวยาว 2 ชั้น และมีการจับจองพื้นที่ขายของเต็มตลอดเส้นทาง ลักษณะแบบนี้แหละ เป็นสัญญาณว่าม็อบกำลังจะปิดถนนยึดพื้นที่ชุมนุม

ผมก็ตอบพี่แท็กซี่ไปว่า “ครับ เพิ่งจะได้รู้ได้เห็นเหมือนกันครับ เพิ่งเคอยเห็นครั้งแรก ว่าเค้ามีวิธีการแบบนี้นี่เอง” จากนั้นรถก็ผ่านเลยไปจนถึงบริเวณตลาดท่าพระจันทร์ แท็กซี่จอดนิ่งแล้ว ดูที่มิเตอร์แท็กซี่ เห็นตัวเลข 95 ผมควักเงินจากกระเป๋ากางเกงจ่ายค่าแท็กซี่ไป 100 บาท เป็นแบงค์ 20 จำนวน 5 ใบ พี่แท็กซี่ทอนให้ผม 5 บาท ผมรับเงินทอนแล้วก็ลงจากแท็กซี่ไป

ยืนงงอยู่พักหนึ่ง ตั้งหลักได้แล้วก็เดินไปทางท่าเรือข้ามฟากท่าพระจันทร์

สองข้างทางมีอาหารการกินมากมายเรียงรายขายติดๆ กันไม่ขาดระยะ ผมรู้สึกหิวข้าวขี้นมาตะหงิดๆ กะว่าจะไปหาอะไรกินก่อนข้ามฟาก ระหว่างที่เดินอยู่ก็มีแต่เสียงคนเรียกเชื้อเชิญให้เข้าไปร้านนั้น-ร้านนี้ไม่ขาดระยะ ก็ได้แต่ทำหน้ายิ้มๆ แล้วก็เดินผ่านไปด้วยอาการสำรวม

และแล้ว…. ก็ต้องมาสะดุดหยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมไข่เต่า ที่ทั้งสี กลิ่น และหน้าตาช่างเย้ายวนหัวใจเหลือเกิน ตัดสินใจควักเงินซื้อขนมไข่เต่าไป 1 ถุง เสียหายไปอีก 20 บาท เดินจกถุงขนมกินไประหว่างทางได้ประมาณ 1 ลูกครึ่ง

เกิดอาการปวดปัสสาวะขึ้นมาอย่างกระทันหัน อันเนื่องจากนั่งอั้นมานานพอสมควร กำลังจะถึงท่าเรือข้ามฟากอยู่แล้ว ก็เหลือบไปเห็นป้ายบริการห้องน้ำด้านขวาพอดิบพอดี ผมไม่รอช้า รีบเดินดุ่มไปทางเส้นทางที่ป้ายบอกทันที เสียค่าบริการ 5 บาท สำหรับการปลดเปลื้องความทุกข์ครั้งนี้ให้หมดสิ้นไป

มาถึงบริเวณท่าเรือ ถึงบริเวณช่องขายตั๋วเรือข้ามฟาก เดินวนไปมาอยู่สักพัก ไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อตั๋วช่องไหนดี ในที่สุดก็ตัดสินใจซื้อกับคุณพี่คนขายตั๋วคนหนึ่งช่องซ้ายสุด 3.50 บาท ในระหว่างที่ขายตั๋วให้ผม พี่เค้าไม่รู้ไม่พอใจ หรือน้อยใจใครมาจากไหน ปากก็บ่นไป มือก็รับเงินและทอนเงินคืนให้ผมได้อย่างคล่องแล้ว จากนั้นผมก็เดินทางผ่านช่องทางไปยังท่าเรือ เสียงของคุณพี่คนขายตั๋วก็ยังคงบ่นไปได้อีกอย่างมันส์ปาก ผมก้าวเท้าลงไปเหยียบที่พื้นเรือข้ามฟาก แล้วเดินไปเลือกที่นั่งบริเวณด้านหลังสุดของเรือ เพราะมีคนนั่งน้อยดี มือก็จับโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปนั้นทีรูปนี้ที เพื่อเก็บบันทึกภาพมาให้ท่านผู้อ่านได้ดูเพิ่มอรรถรสในการอ่าน

จากนั้นเรือก็พาผมและเพื่อร่วมชะตากรรมอีกกว่า 20 ชีวิต ข้ามฟากไปยังท่าวังหลัง

ทันทีที่เรือจอดสนิท ทุกคนในเรือต่างก็กุลีกุจอรีบผละจากเรือขึ้นไปที่โป๊ะท่าน้ำวังหลัง อย่างไม่สนใจใยดีเรือลำที่เพิ่งจะพาเราข้ามฝั่งมาได้เมื่อตะกี้นี้แม้แต่น้อย

สำหรับผู้โดยสารที่ยืนคอยอยู่บนฝั่งท่าวังหลังก็ไม่แพ้กัน ต่างก็รีบเบียดเสียดเยียดยัดกัน เดินจ้ำอ้าวลงมาจับจองที่นั่งบนเรือ แทนที่ผู้โดยสารที่เพิ่งลุกขึ้นเดินจากเรือไปเมื่อตะกี้นี้อย่างเร่งด่วน

ก้าวเท้าเข้าสู่…”วังหลัง”

ผมขึ้นจากเรือข้ามฝาก ฝ่าด่านผู้คนมากหน้าหลายตา เดินมายืนอยู่ที่บริเวณอาคารร้านค้า บริเวณอาคารที่พักสำหรับผู้โดยสาร แล้วเดินดุ่มเบียดเสียดแทรกซึมไปกับผู้คนที่เดินผ่านไปมาเพื่อจับจ่ายใช้สอยซื้ออาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้า ของใช้ และของที่ระลึกต่างๆ ที่วางขายอยู่แทบทุกตารางนิ้ว ตลอดสองข้างทางที่ผมเดินผ่านไป แต่ผมมีขนมไข่เต่าอยู่ในมืออยู่แล้ว จึงไม่ได้ซื้ออะไรเพิ่มเติมอีก

ในจังหวะที่กำลังเดินอยู่นั่นเอง สายตาก็ได้เหลือบไปเห็นร้านเกี๊ยวข้างทางอยู่ร้านหนึ่ง ชื่อร้านว่าอะไรก็ไม่รู้ จำไม่ได้แล้ว ลืมถ่ายรูปหน้าร้านมาให้ท่านผู้อ่านดู ก็เลยนึกขึ้นได้ว่า ผมยังไม่ได้กินข้าวเลย ยังไงขอกินเกี๊ยวกันหิวรองท้องไปก่อนดีกว่า

ตัดสินใจเดินเข้าร้านไป เห็นคนนั่งเต็มร้านแทบทุกโต๊ะ เลยเดินลึกเข้าไปนั่งที่โต๊ะบริวเวณท้ายร้าน สั่งเกี๋ยวน้ำมา 1 ชาม พร้อมน้ำเปล่า

ผ่านไปสักพักหนึ่ง ซึ่งถือว่าไม่นานมาก พนักงานของร้านนำเกี๊ยวน้ำมาเสิร์ฟพร้อมน้ำดื่ม ไม่ได้ชิมน้ำซุปก่อนแต่อย่างใด ลงมือปรุงรสทันที แล้วลองชิมอีกครั้ง

เกี๊ยวรสเด็ด…เส้นหมี่นุ่ม ละมุนลิ้น

ปรากฏว่า “แซ่บมาก” น้ำซุปกลมกล่อม เกี๋ยวเนื้อนุ่มกำลังดี เส้นเล็กนุ่มมาก น่าจะเป็นเส้นที่ร้านทำขึ้นเอง กินไปแพร่บเดียวก็หมด ซดน้ำตามอีกระลอกจนหมดน้ำซุปในชาม เสร็จแล้วจึงดื่มน้ำตามอีกรอบ เป็นอันเสร็จพิธี สูญเงินในครั้งนี้ไปอีก 70 บาท

ด้วยความเร่งรีบ ออกจากร้านมาโดยไม่ทันได้เช็คดูเครื่องประกอบการแต่งกายให้เรียบร้อย เดินออกจากร้านมาได้สักพัก รู้สึกว่าบนใบหน้าของเราขาดหายอะไรไปบางอย่าง ไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมา ใช่แล้วละครับ แมส… หรือว่า หน้ากากอนามัยลายสวัสดีปีวัวทองของผมได้หายไป

แมส-หน้ากากอนามัย พิมพ์สกรีนโลโก้รูป “สวัสดีปีวัวทอง”

รุ่น Limited Edition ต้อนรับปีวัวทอง 2021 (สั่งทำได้ ไม่มีขั้นต่ำครับ)

คิดในใจว่า “ต้องลืมไว้ที่ร้านเกี๊ยวเมื่อตะกี้แน่นอนที่สุด” รีบเดินกลับไปหาในร้าน

พอดีกับจังหวะที่เจ้าของร้านทักมาพอดีว่า “ลูกค้าลืมแมสไว้หรอครับ” ผมตอบไปว่า “ครับผม” รู้สึกดีใจที่มีคนใจดีเก็บแมสไว้ให้เราในที่ปลอดภัย

แต่เปล่าเลยครับ แมสของผมหล่นลงอยู่ที่พื้น ข้างๆ เท้าของลูกค้าภายในร้านโต๊ะหนึ่ง ผมรีบเดินไปหยิบแมสอันเป็นที่รักยิ่งของผมมาสวมกอดไว้ เช็คดูความสะอาดจนทั่วทั้งชิ้น ก็ปรากฏว่าไม่ได้รับมลทินแปดเปื้อนใดๆ ช่างเป็นความโชคดีของผมเหลือเกิน

ผมหยิบแมสที่หล่นลงบนพื้นในร้านมาสวมใส่ปิดบังความอายเล็กน้อยของผมในทันที เดินออกจากร้านเกี๊ยวแล้วมุ่งตรงสู่วัดระฆังโฆษิตาราม ซึ่งเป็นจุดหมายที่ 2 ของเราต่อไป…

ติดตามอ่านบทความในตอนที่มีชื่อว่า : วัดนี้ ไม่ได้มีดีแค่ระฆัง ตอนที่ 1″ ต่อจากบทความนี้ได้เลย ที่ : https://www.praewprouds.com/2020/12/10/619/