![](https://www.praewprouds.com/wp-content/uploads/2021/08/สวรรค์ชั้นที่1-1024x618.png)
จาตุมมหาราชิกา
สวรรค์ชั้นที่ 1 หรือมีชื่อเรียกว่า “จาตุมมหาราชิกา” ตั้งอยู่ ณ เชิงเขาพระสุเมรุ ที่ได้ชื่อสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เพราะมีเทพผู้เป็นใหญ่ครองสวรรค์ชั้นนี้อยู่ 4 ท่าน คือ
- ท้าวธตรฐ ปกครองพวกคนธรรพ์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาพระสิเนรุ
- ท้าววิรุฬหก ปกครองพวกกุมภัณฑ์ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเขาพระสิเนรุ
- ท้าววิรูปักษ์ ปกครองพวกนาค ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเขาพระสิเนรุ
- ท้าวเวสสุวรรณ ปกครองพวกยักษ์ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเขาพระสิเนรุ
สวรรค์ชั้น “จาตุมหาราชิกา” เป็นชื่อสวรรค์ชั้นแรกและเป็นชั้นล่างที่สุดในฉกามาวจร (สวรรค์ในกามภูมิตามคติไตรภูมิ) เรียกสั้น ๆ ว่า ชั้นจาตุม ก็มี มีที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาพระสุเมรุ
คำว่า “จาตุมหาราชิกา” โดยศัพท์แปลว่า “สวรรค์อันเป็นที่อยู่ของมหาราชทั้ง 4” เมื่อแปลแบบเอาความจึงหมายถึง “แดนเป็นที่อยู่ของท้าวมหาราชทั้ง 4” หรือ “อาณาจักรของท้าวมหาราช 4 องค์” กล่าวคือ สวรรค์ชั้นนี้เป็นดินแดนที่จอมเทพ 4 องค์ผู้รักษาคุ้มครองโลกใน 4 ทิศ ซึ่งเรียกว่า ท้าวโลกบาล ท้าวจตุโลกบาล หรือ ท้าวจาตุมหาราช ปกครองอยู่องค์ละทิศ
เทวดาชั้นจาตุมหาราชิกามีอายุ 500 ปีทิพย์ (30 วันเป็น 1 เดือน 12 เดือนเป็น 1 ปี) โดย 1 วันและ 1 คืนของสวรรค์ชั้นนี้ เท่ากับ 50 ปีของโลกมนุษย์ คำนวณเป็นปีโลกมนุษย์ได้ 9,000,000 ปีโลกมนุษย์ (บางแห่งกล่าวว่าเท่ากับ 90,000 ปีโลกมนุษย์)
เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ผู้ที่ทำบุญยังไม่ถูกหลัก ไม่รู้หลักการทำบุญ และไม่ค่อยได้สั่งสมบุญ นานๆ ทำครั้งหนึ่ง เมื่อทำก็ทำน้อย หรือ ทำบุญเอาคุณ บุญที่ได้ก็ไม่บริสุทธิ์ ไม่สมบูรณ์ บาปในตัวก็มีอยู่ แต่ว่าบุญมากกว่า เมื่อละโลกใจนึกถึงบุญก่อนก็ไปสวรรค์ชั้นนี้
สวรรค์ชั้นแรกอยู่เหนือโลกมนุษย์ขึ้นไป 46,000 โยชน์ เป็นแดนสุขาวดี มีเทวราชผู้ยิ่งใหญ่ 4 พระองค์ ทรงเป็นผู้ปกครองดูแล จึงได้ชื่อว่า “จาตุมหาราชิกาเทวภูมิ” คือ ภูมิเป็นที่อยู่แห่งทวยเทพมีท้าวจาตุมหาราช ทรงเป็นใหญ่
สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา มีเมืองใหญ่เป็นเทพนครอยุ่ถึง 4 เทพนคร แต่ละเทพนครมีป้อมปราการ กำแพงทองทิพย์ เหลืองอร่ามงามนัก ประดับประดาไปด้วยสัตตรัตนะแก้ว 7 ประการ
ภายในเทพนครอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น มีปราสาทแก้ว ซึ่งเป็นวิมานที่อยู่ของเทพยดาชาวฟ้าทั้งหลายตั้งเรียงรายอยู่มากมาย
นอกจากนี้ ยังมีสระโบกขรณี ซึ่งมีน้ำใสยิ่งกว่าแก้ว เต็มไปด้วยดอกบัวนานาชนิด ส่งกลิ่นทิพย์หอมตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ มีดอกไม้นานาพรรณ สีสันวิจิตรตระการตา และมีรุขชาติต้นไม้สวรรค์ซึ่งมีผลอันโอชายิ่ง
มวลไม้ในสวงสวรรค์ มีดอกมีผลเป็นทิพย์ ปรากฏให้เหล่าชาวสวรรค์ได้ชื่นชมตลอดกาล ไม่มีวันร่วงโรยและหมดไปเลย
สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา จำแนกย่อยพื้นที่บริเวณของหมู่เทพละเอียดลงไปอีก ตามขั้นตอนการถือกำเนิดเอาไว้ ดังนี้
อุปัตติเทพ
- การถือกำเนิดด้วยการอุบัติขึ้นมา โดยมีกายทิพย์ หรือ กายละเอียด เป็นวัยหนุ่มสาวขึ้นมาทันใด
- ถ้าเป็นเพศชาย เมื่อสร้างบุญไม้มากพอที่จะมีวิมานของตนเอง
- ก็จะไปถือกำเนิดเป็นบุตรของเทวดาองค์ใดองค์หนึ่ง
- ถ้าเป็นเพศหญิง เมื่อสร้างบุญมาไม่มากพอที่จะมีวิมานของตนเอง ต้องไปถือกำเนิดเป็นบาทบริจาริกา
- ของเทวดาองค์ใดองค์หนึ่ง
- ถ้าหญิงหรือชายสร้างบุญไว้น้อย
- ก็จะถือกำเนิดเป็นเทพผู้คอยดูแลในเรื่องเครื่องทรงของเทวดาองค์ใดองค์หนึ่ง
- ถ้าสร้างบุญกุศลไว้มากพอ ก็จะอุบัติขึ้นมาเป็นเจ้าของวิมาน พรั่งพร้อมด้วยบริวาร
- และสิ่งของอันเป็นทิพย์
เทพที่อยู่ในสวรรค์ชั้นที่ 1 หรือสวรรค์ชั้นจาตุมมหาราชิกานี้ จะมีลักษณะของภูมิเป็นที่อยู่หรือที่ตั้งแห่งวิมานทิพย์ที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
บาดาล
“ภพบาดาล” หมายถึง เทวโลกชั้นจาตุมมหาราชิกาในชั้นลำดับที่ 1 ถัดจากภพมนุษย์ไป เป็นภพภูมิที่ใกล้มนุษย์มากที่สุด มีลักษณะเป็นงูต่าง ๆ
ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายของคำว่า “บาดาล” ไว้ว่า หมายถึง “บาดาล” เป็นคำนาม หมายถึง พื้นที่ใต้ระดับผิวดินลงไป เรียกนํ้าที่สูบจากใต้ดินที่ลึกไม่ตํ่ากว่า ๑๐ เมตรว่า “นํ้าบาดาล” เป็นชื่อเรียกของนาคพิภพ เป็นที่อยู่ของนาค
ภูมมะภูมิ
คำว่า “ภูมมะ” หมายถึง เทวโลกชั้นจาตุมมหาราชิกาในชั้นลำดับที่ 2 ถัดจากภพมนุษย์ไป เป็นที่อยู่ของพระภูมิเจ้าที่ต่าง ๆ ในที่นี้หมายถึง สถานที่ต่างๆ ไมว่าจะเป็นพื้นดิน พื้นน้ำ บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง ถ้ำ หรือเชิงผาต่างๆ ก็จัดเข้าในคำว่า “ภูมิ” ทั้งสิ้น เทวดาที่มาสถิตมีวิมานอยู่ในสถานที่ต่างๆ เหล่านี้ ก็จะนิยมเรียกว่า “พระภูมิ”, “เจ้าที่” หรือ “เทพารักษ์”
ภูมมะ เป็นเทวโลกชั้นที่อยู่ใกล้มนุษย์มากที่สุด เป็นดินแดนของเหล่าพระภูมิเจ้าที่ ต่างๆ มีคุณและโทษแก่มนุษย์ผู้กราบไหว้บูชามีกิเลสคล้ายกับมนุษย์ที่สุด
รุกขภูมิ
“รุกขภูมิ” แปล่า ต้นไม้ หรือแมกไม้ต่างๆ ซึ่งรุกขภูมินี้ จัดเป็นเทวโลกชั้นจาตุมมหาราชิกาในชั้นลำดับที่ 3 ถัดจากภพมนุษย์ไป อันเป็นที่อยู่ของเทวดาที่เรียกว่า “รุกขเทวดา” ท่านกล่าวว่า แม้เป็นต้นไม้ที่มีความสูงเพียงพ้นเหนือหัวเราขึ้นไปเพียงศอกเดียวก็ถือว่าอาจเป็นที่อยู่ของรุกขเทวดาต่างๆ ได้แล้ว ซึ่งต้นไม้ที่มีเทวดาสถิตอยู่ จะปรากฏว่ามีวิมานที่อยู่ของเทวดาตนนั้นๆ ด้วย ก็ธรรมดาของเทวดาที่มีวิมานอยู่บนต้นไม้ ก็จะไม่อาศัยอยู่ในวิมานบนพื้นดินหรือที่อื่น เนื่องด้วยบุพกรรมที่เคยทำมาในอดีต และถ้าหากว่ามีผู้ใดไปตัดต้นไม้อันเป็นวิมานของเทวดานั้นไป ก็จะทำให้เทวดาจำพวกนี้ก็จะไร้ที่อยู่อาศัยได้
ฉิมพลีภูมิ
“ฉิมพลีภูมิ” หรือ “สิมพลีภูมิ” เป็นเทวโลกชั้นจาตุมมหาราชิกาในชั้นลำดับที่ 4 ถัดจากภพมนุษย์ไป เป็นดินแดนแห่งเทพผู้มีปีก หมายถึง ที่อยู่ของพญาครุฑนั่นเอง ฉิมพลี หรือ สิมพลี แปลว่าไม้งิ้ว ดินแดนแห่งนี้ก็จะมีต้นไม้งิ้วอันเป็นทิพย์ขึ้นอยู๋มากมาย บนต้นไม้งิ้วนั้นก็จะปรากฏมีวิมานของเทพจำพวกครุฑตั้งอยู่ เรียกว่า “วิมาฉิมพลี” หรือ “วิมานสิมพลี” ครุฑ จึงเป็นกึ่งเทพกึ่งนก จัดอยู่ในเทพจำพวกกุมภัณฑ์ มีฤทธิ์มาก มีฐานะเป็นบริวารของท้าววิรุฬหก ซึ่งเป็นราชาแห่งเหล่ากุมภัณฑ์ทั้งปวง
ฉิมพลีภูมิ ท่านกล่าวว่ามีความสูงระดับยอดไม้หรือระดับนกเหินขึ้นไป เป็นดินแดนของเทพที่มีปีกดังองค์พญาครุฑ พญานกทั้งหลายเป็นกึ่งเทพ กึ่งสัตว์ แต่มีฤทธิ์ องค์พญาครุฑเคยประลองกำลังกับพระนารายณ์ได้เสมอกันภพภูมินี้
คนธรรพ์ภูมิ
“คนธรรมพภูมิ” จัดเป็นเทวโลกในชั้นลำดับที่ที่ 5 ในเทวโลกชั้นจาตุมมหาราชิกานี้ ถัดจากภพภูมิของมนุษย์ไป มีความสูงระดับยอดเขาเตี้ยๆ เป็นดินแดนของผู้มีศีลแต่ยังหมกมุ่นอยู่ในโลกียวิสัย ยังตัดไม่ได้ถึงความรัก ลุ่มหลง ชนิดมีภรรยาเป็น 10,000 เลยทีเดียว มักมีรูปร่างหน้าตาที่งดงามหมดจด และมีน้ำเสียงเป็นที่ไพเราะมาก ไม่มีวิมานสถิตเป็นหลักแหล่ง แต่จะอาศัยพเนจรไปในป่าดงพงไพร ตามน้ำตกลำธาร และสระน้ำ รวมถึงสถานที่ต่างๆ โดยทั่วไป มีความต้องการทางเพศสูงและยังเสพกามดั่งเช่นมนุษย์ทั่วไป
หิมพานต์
“หิมพานต์ภูมิ” จัดเป็นเทวโลกชั้นลำดับที่ 6 ในเทวโลกชั้นจาตุมมหาราชิการนี้ ถัดจากภพมนุษย์ของเราไป มีความสูงระดับเชิงเขาสูง เป็นดินแดนที่กั้นระหว่างเทวโลกกับมนุษย์โลกและยมโลก ในภูมินี้จะมีกินนร กินนรี เทวยานี สัตว์หิมพานต์ผู้มีร่างกายแปลกประหลาด แต่ไม่ได้น่าเกลียดน่ากล้วแต่อย่างใด เพราะสัตว์หิมพานต์เป็นสัตว์แปลกพิเศษที่เรียกว่าครึ่งคนครึ่งสัตว์ครึ่งเทพปะปนกันอยู่ แลดูเพลิดเพลินใจยิ่งนัก
บรรพภูมิ
“บรรพภูมิ” จัดเป็นเทวโลกชั้นลำดับที่ 7 ในเทวโลกชั้นจาตุมมหาราชิกา ถัดจากภพมนุษย์ของเราไป มีความสูงระดับปากถ้ำต่างๆตามเขาสูง เป็นดินแดนที่มีแต่ความสงบสุข มีแต่ผู้บำเพ็ญเพียร เพื่อหวังหลุดพ้นจากภูมิต่างๆเรียกว่า “ฤาษี” ผู้ซึ่งมักจะบำเพ็ญอยู่ในเทวโลกชั้นนี้ แต่เดิมอาศัยอยู่ในโลกมนุษย์มาก่อน แต่มักถูกพวกอสูรก่อกวน จนต้องอพยพมาบำเพ็ญ ณ ที่บรรพภูมินี้ ดินแดนแห่งนี้ จึงเป็นดินแดนแห่งฤาษีชีไพรผู้บำเพ็ญพรต ที่หลบหลึกลี้ความวุ่นวายจากโลกมนุษย์มาบำเพ็ญเพียรเพื่อหาทางหลุดพ้น (โมกษะ)
อโยธยาภูมิ
“อโยธยาภูมิ” จัดเป็นเทวโลกชั้นลำดับที่ 8 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทวโลกชั้นจาตุมมหาราช ถัดจากภพมนุษย์ของเราไป มีความสูงระดับ หุบเขาสูง ตามยอดเขาสูงซ้อนกันเป็นดินแดนผู้มีคุณต่อแผ่นดินแต่ละประเทศ มีแต่การเสพสุข ดุจพระราชาเพราะในชีวิตมีแต่การต่อสู้หรือทำเพื่อบ้านเกิดเมืองนอน เช่นเจ้าพ่อหลักเมือง ทหารหาญ เป็นต้น
เทวดาที่อาศัยอยู่ในภพภูมิตั้งแต่ชั้นบาดาลภูมิถึงอโยธยาภูมินั้น เป็นเทพที่อยู่ใกล้มนุษย์มากที่สุด สามารถบันดาลให้ทั้งคุณและโทษแก่มนุษย์และมีการสัญจรไปมาหาสู่กันกับมนุษย์อยู่เนืองๆ
ลับแลภูมิ
“ลับแลภูมิ” จัดเป็นเทวโลกในชั้นลำดับที่ 9 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทวโลกชั้นจาตุมมหาราชิกา ถัดจากภพของมนุษย์เราไป มีความสูงระดับยอดเขาสูงหรือลึกลงไปในถ้ำตามยอดเขาสูงเป็นดินแดนของหญิงสาวที่มีจิตใจมุ่งบำเพ็ญเพียรโดยการถือสัจจะเป็นหลัก แต่ยังมีห่วงที่ต้องคอยดูแล พ่อ แม่ ลูก หลาน จึงมาพักอยู่ในภูมินี้
ภุมมา
“ภุมมาภูมิ” จัดเป็นเทวโลกชั้นลำดับที่ 10 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทวโลกชั้นจาตุมมหาราชิกา ถัดจากภพมนุย์ของเราไป วิมานของเทวดาจำพวกนี้ก็จะตั้งอยู่หรือสถิตอยู่บนฟากฟ้า เป็นที่สถิตของนางฟ้าและเทวดาต่างๆ ที่ยังคงมีกิเลสอยู่
จาตุมมหาราชิกา
“จาตุมมหาราชิกาภูมิ” ในสวรรค์ชั้นที่ 1 หรือสวรรค์ชั้นจาตุมมหาราชิกานี้ มีเทวดาผู้เป็นใหญ่ซึ่งอยู่ในสถานะเป็นมหาราชอยู่ 4 องค์ ซึ่งเป็นผู้รักษามนุษยโลก หรือที่เรียกว่า “ท้าวจตุโลกบาล” มีหน้าที่สอดส่องดูมนุษย์ที่ประกอบผลบุญแล้วรายงานต่อพระอินทร์ เพื่อให้ได้ไปเกิดในสรวงสวรรค์ มีสถานที่ปกครองตั้งแต่กลางเขาสิเนรุ ลงมาจนถึงมนุษยโลก มีอาณาเขตแผ่ออกไปจดขอบจักรวาล
เทวดาทั้งหลายที่อยู่ในชั้นจาตุมหาราชิกาภูมินี้ทั้งหมด เป็นบริวารภายใต้อำนาจของท้าวมหาราชทั้ง 4 นั้น อันได้แก่
- ท้าวธตรฐ ปกครองพวกคนธรรพ์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาพระสิเนรุ
- ท้าววิรุฬหก ปกครองพวกกุมภัณฑ์ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเขาพระสิเนรุ
- ท้าววิรูปักษ์ ปกครองพวกนาค ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเขาพระสิเนรุ
- ท้าวเวสสุวรรณ ปกครองพวกยักษ์ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเขาพระสิเนรุ
เมื่อเทียบเวลาระหว่างมนุษย์ กับสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาภูมิ แล้ว สามารถเทียบได้ดังนี้คือ 50 ปีมนุษย์ เท่ากับ 1วัน ของเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาภูมิ
ที่อยู่ของเทวดาชั้นจาตุมมหาราชิกาภูมิ
เทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา มีอยู่ตั้งแต่กลางเขาสิเนรุ จนกระทั่งพื้นดินที่มนุษย์อยู่
ทางไปสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสไว้ในทานสูตรว่า…
“ถ้าผู้ใดให้ทานโดยหวังผลบุญจากการให้ทาน เมื่อตายไปจะไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา”
“ดูกรสารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลมีความหวังให้ทานมีจิตผู้พันในผลแห่งทานแล้วให้ทาน
มุ่งการสั่งสมทาน ให้ทาน ด้วยคิดว่า เราตายไปแล้วจักได้เสวยผลแห่งทานนี้ เขาผู้นั้น เมื่อตายไป
ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นจาตุมหาราช”
แพรวพราวดอทคอม/
praewprouds.com
“แพรวด้วยความรู้
พราวด้วยประสบการณ์”