pin up1 winaviator mostbetpinup casino1 winmostbet kzmosbet casinoaviatorlucky jet1 winpin up casino india1win slotlucky jet casinopinup az4r betmosbet indiamosbet aviatormostbet casino1win kz1 win4rabet indiapin-up kzmosbetmosbet1 win1win1win aviatorpin upparimatchlucky jet4rabetмостбет1win loginpin up 777mostbet1 вин авиаторpin uplucky jet1 winpin up4rabetpinupmosbet1 winmostbet azluckygetmostbetmosbetmostbet casino1wınparimatch

เปรต 12 ประเภท

สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม

และกรรมย่อมจัดสรรสัตว์ให้เลวและประณีตแตกต่างกันไป”

“เปรต” ตามที่เคยได้ยิน ได้ฟัง ได้รู้จักกันมาบ้าง ดังที่ปรากฏในสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโทรทัศน์ และสื่ออื่นๆ ตลอดจนรายการทีวีที่นำเสนอเรื่องราวของสิ่งลี้ลับนั้น ก็ล้วนแล้วแต่มีเค้าโครงเรื่องราวมาจากหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น ซึ่งในที่นี้ ขอกล่าวถึงเรื่องราวของเปรต 12 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทนั้น ก็มีรูปร่างลักษณะ การสร้างบาปกรรม และการรับผลกรรมที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

1. วันตาสาเปรต

ลักษณะรูปร่างและพฤติกรรม

เปรตเหล่านี้เห็นมนุษย์ถ่มเสลด น้ำลายออกมา ต่างตื่นเต้นดีใจรีบตรงไปดูดเอาโอชะเสลดเป็นอาหาร กินแล้วยังหิวโหยเช่นเดิม จนกว่าจะสิ้นกรรมที่ทำไว้ จึงจะไปเกิดในภูมิอื่น

กรรมที่เคยทำไว้ในอดีต

ชาติก่อนเป็นคนตระหนี่ขี้เหนียว เห็นผู้ใดอดอยากมาขออาหาร ก็พาลโกรธถ่มน้ำลายใส่ด้วยความรังเกียจ หรือเข้าไปในสถานที่ที่ควรเคารพบูชา เช่น โบสถ์ วิหาร ลานพระเจดีย์ แล้วไม่มีความเคารพต่อสถานที่ ได้ถ่มเสลดน้ำลายลงในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นั้น เมื่อตายแล้วก็มาเกิดเป็นเปรตในประเภทนี้

2. กุณปขาทาเปรต

ลักษณะรูปร่างและพฤติกรรม

เปรตชนิดนี้ชอบซอกซอนหาซากศพสัตว์อึดเน่าเหม็นกินเป็นอาหารด้วยความหิวโหย

กรรมที่เคยทำไว้ในอดีต

ชาติที่เป็นมนุษย์มีความตระหนี่ เมื่อมีผู้มาขอบริจาคทาน ก็แกล้งให้ของที่ไม่ควรให้ ด้วยความปรารถนาจะแกล้งประชด ไม่เคารพในทาน จึงมาเกิดเป็นเปรตประเภทนี้

3. คูถขาทาเปรต

ลักษณะรูปร่างและพฤติกรรม

เปรตชนิดนี้ชอบเที่ยวแสวงหาอุจจาระของสิ่งมีชีวิตกินเป็นอาหาร

กรรมที่เคยทำไว้ในอดีต

ตอนเป็นมนุษย์ มีความตระหนี่จัด เมื่อหมู่ญาติที่ตกทุกข์ได้ยาก หรือผู้คนมาหาเพื่อขอความช่วยเหลือ ขอข้าว ขอน้ำดื่ม จะเกิดอาการขุ่นเคืองขึ้นมาทันที แล้วยังขับไล่ไสส่งให้ไปกินมูลสัตว์ ด่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ตายแล้วจึงไปเกิดเป็นเปรตชนิดนี้

4. อัคคิชาลมุขาเปรต

ลักษณะรูปร่างและพฤติกรรม

เปรตประเภทนี้ มีรูปร่างผอมโซ มีเปลวไฟแลบออกมาจากปากตลอดเวลา ทั้งกลางวันกลางคืน ไฟไหม้ปากไหม้ลิ้นเจ็บแสบเจ็บร้อน ครั้นทนไม่ได้ก็วิ่งร้องไห้ครวญครางไปไกลถึงร้อยโยชน์ พันโยชน์

กรรมที่เคยทำไว้ในอดีต

ตอนเป็นมนุษย์ มีความตระหนี่ขี้เหนียวอย่างมาก เมื่อมีใครมาขอ ครั้นจะไม่ให้ก็กลัวคนอื่นดูแคลน จึงแกล้งให้สิ่งของร้อนๆ เพื่อหวังจะแกล้งให้ผู้รับเข็ดหลาบ จะได้เลิกมาขอ เพราะไม่เห็นอานิสงส์ของการทำทาน

5. สูจิมุขาเปรต

ลักษณะรูปร่างและพฤติกรรม

เปรตประเภทนี้ มีเท้าทั้งสองใหญ่โต คอยาวมาก แต่ปากเท่ารูเข็ม จะได้อาหารมาบริโภคแต่ละครั้งก็ไม่พออิ่ม อาหารไม่อาจจะผ่านช่องปากเข้าไปได้ง่ายๆ อยากกินแต่กินไม่ได้ ต้องทุกข์ทรมานแสนลำบาก ร่างกายผอมโซดำเกรียม

กรรมที่เคยทำไว้ในอดีต

ในชาติที่เป็นมนุษย์ เป็นคนตระหนี่ขี้เหนียว เมื่อมีใครมาขออาหาร ก็ไม่อยากให้ และไม่มีศรัทธาที่จะถวายทานแก่ผู้มีศีล มีจิตหวงแหนทรัพย์สมบัติ

6. ตัณหาชิตาเปรต

ลักษณะรูปร่างและพฤติกรรม

เปรตเหล่านี้จะเดินตระเวนท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ เพื่อหาอาหาร เมื่อมองไปเห็นสระ บ่อ ห้วย หนอง ก็ตื่นเต้นดีใจ รีบวิ่งไปโดยเร็ว แต่ครั้นไปถึงแหล่งน้ำนั้น กลับกลายเป็นสิ่งอื่น

กรรมที่เคยทำไว้ในอดีต

ตอนเป็นคนหวงข้าวหวงน้ำ เที่ยวปิดสระ ปิดบ่อ ปิดหม้อ ไม่ให้คนอื่นได้ดื่มกิน

7. นิชฌามักกาเปรต

ลักษณะรูปร่างและพฤติกรรม

เปรตประเภทนี้ มีรูปร่างเหมือนต้นเสาหรือต้นไม้ที่ถูกไฟไหม้ มีกลิ่นเหม็นเน่า มือและเท้าเป็นง่อย ริมฝีปากด้านบนห้อยทับริมฝีปากด้านล่าง ฟันยาว มีเขี้ยวออกจากปาก ผมยาวพะรุงพะรัง ยืนทื่ออยู่ที่เดิมไม่ท่องเที่ยวไปไหนเหมือนเปรตชนิดอื่น

กรรมที่เคยทำไว้ในอดีต

ตอนเป็นมนุษย์ เป็นคนใจหยาบ เห็นผู้มีศีลก็โกรธเคือง มีอกุศลจิตคิดว่า ท่านเหล่านั้นจะมาขอของตน จึงแสดงกิริยาอาการเยาะเย้ยถากถาง ขับไล่คนเหล่านั้นให้ได้รับความอับอาย หรือเห็นพ่อแม่เป็นคนแก่คนเฒ่า เกิดโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนเพราะความชรา แกล้งให้ท่านตกใจจะได้ตายไวๆ ตัวเองจะได้ครอบครองสมบัติ

8.สัพพังคาเปรต

ลักษณะรูปร่างและพฤติกรรม

เปรตประเภทนี้ มีร่างกายใหญ่โต เล็บมือเล็บเท้ายาวคมเหมือนมีดเหมือนดาบและงอเหมือนตะขอ ก้มหน้าก้มตาตะกายข่วนร่างกายตนเองให้ขาดเป็นแผลด้วยเล็บ แล้วกินเลือดเนื้อของตนเองเป็นอาหาร

กรรมที่เคยทำไว้ในอดีต

ตอนเป็นมนุษย์ชอบขูดรีดชาวบ้าน เอาเปรียบผู้อื่น หรือบางครั้งชอบรังแกหยิกข่วนบิดามารดา หรือทำร้ายคู่ครองของตนเอง

9. ปัพพตังคาเปรต

ลักษณะรูปร่างและพฤติกรรม

เปรตประเภทนี้ มีร่างกายใหญ่เหมือนภูเขา เวลากลางคืนสว่างไสวด้วยเปลวไฟ กลางวันเป็นควันล้อมรอบกาย ถูกไฟเผาคลอก นอนกลิ้งไปมาทุรนทุรายเหมือนขอนไม้ที่กลิ้งอยู่กลางไร่กลางป่า โศกเศร้าร้องไห้ตลอดเวลา

กรรมที่เคยทำไว้ในอดีต

เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ได้เอาไฟเผาบ้าน เผาโรงเรียน เผากุฏิ วิหาร เป็นต้น

10. อชครเปรต

ลักษณะรูปร่างและพฤติกรรม

เปรตประเภทนี้ มีรูปร่างคล้ายกับสัตว์เดียรัจฉาน เช่น มีรูปร่างเป็นงูเหลือม เป็นเสือ เป็นม้า เป็นวัว เป็นควาย เป็นต้น แต่จะถูกไฟเผาไหม้ทั่วร่างกายทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดเวลา

กรรมที่เคยทำไว้ในอดีต

ครั้งเป็นมนุษย์เป็นคนตระหนี่ เมื่อเห็นผู้มีศีลมาเยือน ก็ด่าเปรียบเปรยท่านว่า เหมือนเป็นสัตว์เดียรัจฉานต่างๆ เพราะไม่อยากให้ทาน หรือแกล้งล้อเลียนเป็นรูปสัตว์ต่างๆ

11. เวมานิกเปรต

ลักษณะรูปร่างและพฤติกรรม

เปรตประเภทนี้จะมีสมบัติ คือ วิมานทองอันเป็นทิพย์ บางตนจะเสวยสุขราวเทวดาในเวลากลางวัน ส่วนเวลากลางคืนจะเสวยทุกข์ที่เกิดจากความตระหนี่ในทรัพย์ บางตนเสวยสุขเฉพาะในเวลากลางคืน ส่วนกลางวันจะเสวยทุกข์ ตามสมควรแก่กรรม

กรรมที่เคยทำไว้ในอดีต

เมื่อครั้งเป็นมนุษย์มีศรัทธาทำบุญกุศลไว้มาก แต่ไม่รักษาศีล ไม่รักษากาย วาจา ใจ ให้บริสุทธิ์ หรือเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนาได้รักษาศีลเพียงอย่างเดียว แล้วไม่มีศรัทธาในการสร้างบุญกุศลอื่น และมีความสงสัยในเรื่องบุญเรื่องบาป แม้รักษาศีลก็รักษาแบบเสียไม่ได้ หรือไม่ตั้งใจรักษา

12.มหิทธิกาเปรต

ลักษณะรูปร่างและพฤติกรรม

เปรตประเภทนี้ เป็นเปรตที่มีฤทธิ์และรูปงามดุจเทวดา แต่ว่าอดอยากหิวโหยอาหารอยู่ตลอดเวลา เหมือนเปรตชนิดอื่นๆ จะเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ เมื่อพบมูลสัตว์ หรือของสกปรกก็จะดูดกินเป็นอาหาร

กรรมที่เคยทำไว้ในอดีต

เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ บวชเป็นพระภิกษุสามเณร พยายามรักษาศีลของตนให้บริสุทธิ์ จึงมีรูปงามผุดผ่องราวเทวดา แต่ไม่ได้บำเพ็ญธรรม มีใจเกียจคร้านต่อการบำเพ็ญธรรมตามวิสัยของบรรพชิต จิตใจจึงมากไปด้วย โลภะ โทสะ โมหะ

บทสรุป

ดังนั้น มนุษย์เราจึงควรใช้ชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท เพราะหากเผลอไผลไปทำกรรมที่อาจส่งผลให้ได้กำเนิดเป็นเปรตดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น ก็อาจทำให้ชีวิตของเราต้องทนทุกข์ทรมาน เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในเปรตวิสัยอันเป็นอบายภูมิหรือทุคติภูมิประเภทหนึ่ง ย่อมทำให้เสียโอกาสในการพัฒนาชีวิตและพัฒนาดวงจิตของเราให้มีความบริสุทธิ์ผ่องใส ควรแก่การเกิดในภพภูมิที่ดี หรือมีโอกาสได้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในที่สุด อันเป็นสุดยอดปรารถนาของคนทั้้งปวง…

“แพรวด้วยความรู้ พราวด้วยประสบการณ์”