pin up1 winaviator mostbetpinup casino1 winmostbet kzmosbet casinoaviatorlucky jet1 winpin up casino india1win slotlucky jet casinopinup az4r betmosbet indiamosbet aviatormostbet casino1win kz1 win4rabet indiapin-up kzmosbetmosbet1 win1win1win aviatorpin upparimatchlucky jet4rabetмостбет1win loginpin up 777mostbet1 вин авиаторpin uplucky jet1 winpin up4rabetpinupmosbet1 winmostbet azluckygetmostbetmosbetmostbet casino1wınparimatch

คนจน 2 จำพวก

“อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนํ”

“คนขยัน ย่อมหาทรัพย์ได้”

วันนี้ ขอหยิบยกเรื่อง “ความจน” มาคุยกันนะครับ แต่ที่มาชวนคุยเรื่องความจนในวันนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่า จะประสงค์ชักชวนให้ทุกท่านมาร่วมจนเป็นเพื่อนกันหรอกนะครับ แต่ว่าจะชักชวนมาทำความรู้จักและทำความเข้าใจกับ “ความจน” ในมุมมองใหม่ครับ

ขึ้นชื่อว่า “ความจน” แน่นอนที่สุด ย่อมไม่มีใครปรารถนา ทุกคนล้วนแล้วแต่ประสงค์อยากจะรวยด้วยกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะวันที่ 1 และวันที่ 16 ของแต่ละเดือน ซึ่งเป็นวันที่คนส่วนใหญ่จะตื่นเต้นเป็นพิเศษ ด้วยความหวังอันบรรเจิดว่า “จะรวย”, “จะมีเงินใช้”, “จะมีกำไร”, “จะเปลี่ยนคุณภาพชีวิต” ให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

(เป็นเพียงภาพประกอบสำหรับบทความเท่านั้น)

ถึงแม้ว่า ทุกๆ คนอยากจะรวยมากมายสักเพียงใด แต่เมื่อตรวจเช็คดูสภาพความหนาบางของกระเป๋าสตางค์ตัวเองแล้ว ก็จะพบว่า “ยังพร่อง”, “ยังน้อย”, “ยังขาดแคลน”, “ยังไม่เพียงพอ” อยู่ร่ำไป

บางคนนั้น ถึงขั้นว่าเงินขาดมือ ไม่มีจะกิน ไม่มีจะใช้ในแต่ละวันเลยก็มี

ความจน จึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่ง สำหรับฆราวาสญาติโยม คฤหัสถ์คนครองเรือน ซึ่งมีภาระที่จะต้องรับผิดชอบมากมายในแต่ละวัน

เพราะเมื่อใดก็ตามที่รู้สึกว่ากระเป๋าสตางค์ของเรายังบางเบา หรือยอดเงินในบัญชีของเรายังต่ำเตี้ยเรี่ยดินอยู่แบบนี้ ก็ยากจะใช้ชีวิตให้เป็นปกติสุขได้

(เป็นเพียงภาพประกอบสำหรับบทความเท่านั้น)

ในทางพระพุทธศาสนาจึงได้สอนให้ผู้ที่ประสงค์จะเป็นคนมีสตางค์ เป็นคนรวย หรือเป็นเศรษฐีว่า จะต้องเพียบพร้อมไปด้วยธรรมะ 4 ข้อด้วยกัน คือ 1) ขยันหา 2) รักษาดี 3) มีกัลยาณมิตร และ 4) ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง

เมื่อปฏิบัติได้ทั้ง 4 ข้อเป็นอย่างดีแล้ว ก็จะกลายเป็นคนรวยได้อย่างไม่ยากเย็น

แต่ก็อย่างว่าแหละครับ พูดง่าย แต่ทำยาก แม้แต่ผู้เขียนบความนี้เองก็ไม่เคยจะปฏิบัติได้สักกะที ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนเองจึงถูกจัดให้อยู่ในประเภทของ “คนจน” เหมือนกัน โดยยากจะหาเหตุผลมาโต้แย้ง

เอาละครับ วันนี้จะไม่ลงลึกในรายละเอียดของธรรมะที่ทำให้รวย แต่จะมาพูดถึงเรื่องสาเหตุของ “ความจน” ซึ่งตั้งใจนำเสนอในวันนี้เลยก็แล้วกัน ทดลองมาอ่านและติดตามไปพร้อมๆ กันครับ

สาเหตุของความจน มีอยู่ 2 ประการ สำคัญ คือ

1) จนเพราะไม่มี หมายถึง เป็นคนจนมาแต่ดั้งแต่เดิม เป็นคนจนโดยสายเลือด เป็นความจนที่ถ่ายทอดกันมาทางพันธุกรรม คือตั้งแต่เกิดมาจำความได้ก็จนแล้ว

และหมายถึง คนที่เคยรวยมาก่อน หรือหมายถึงคนที่เมื่อเกิดมาก็พอจะมีทรัพย์สมบัติกับเค้าอยู่บ้าง แต่ก็นำไปกินไปใช้จนหมด หรือนำไปใช้อย่างผิดวิธี จนเป็นเหตุให้ความรวยที่เคยมี กลายสภาพเป็นความจนในที่สุด

นี่คือประเภทคนจนเพราะไม่มี คือ เมื่อไม่มีแล้วก็ทุกข์ เมื่อไม่มีแล้วก็เลย “จน” แต่คนจนประเภทนี้ รักษาให้หายได้ ด้วยการปรับเปลี่ยนประพฤติของตนเองให้มีความขยันหมั่นเพียร อดออมมัธยัสถ์ คบแต่เพื่อนดีที่ชักชวนกันทำมาหากิน ไม่ชักชวนกันไปทำในทางเสียหายหรือตกต่ำ และด้วยการรู้จักใช้ทรัพย์ตามสมควรแก่รายได้/ฐานะของตนเอง ไม่ใช้เกินตัวอย่างนี้แล้ว ก็อาจจะรักษาความจนเพราะ “ไม่มี” นี้ได้อย่างหายขาด

(เป็นเพียงภาพประกอบสำหรับบทความเท่านั้น)

2) จนเพราะไม่พอ สาเหตุของความจนประเภทนี้ จะเรียกว่าเป็น “ความจนทางใจ” ก็ได้ เพราะไม่ได้จนเพราะ “ไม่มี”, “ขาดแคลน”, หรือ “ขัดสน” แต่อย่างใด เป็นบุคคลประเภทที่ก็ร่ำรวยด้วยทรัพย์สินเงินทองอยู่แล้ว หรือมีพอกินพอใช้อยู่แล้ว แต่จิตใจนี่สิ ไม่เคยคิดจะ “พอ” มีความทะยานอยากได้ยิ่งๆ ขึ้นไป

คนจนประเภทนี้จะเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ดีกว่า รวยกว่า ดูเหมือนว่ามีความสุขกว่า ก็เลยทะยานอยากได้ยิ่งๆ ขึ้นไป ไม่มีวันจบสิ้น ไม่มีวันเพียงพอ เพราะมีความอยากได้ไม่มีสิ้นสุด

คนจนประเภทที่ 2 นี้ เป็นคนจนอย่างแท้จริง เพราะไม่มีอะไรจะมาเติมเต็มความอยาก ความต้องการของเขาให้เต็มได้ เขายังคงรู้สึกว่าพร่องอยู่เป็นนิตย์ และหาความสุขสงบในชีวิตไม่ได้ เพราะชีวิตมัวเมาแต่เรื่องการแสวงหามาเพื่อสนองความต้องการของตนเพียงอย่างเดียว

(เป็นเพียงภาพประกอบสำหรับบทความเท่านั้น)

“เมื่อไม่รู้จักพอ ก็หาความสุขไม่เจอสักที”

เมื่ออ่านบทความมาถึงตรงนี้ ทุกท่านคงได้ทราบสาเหตุที่แท้จริงของ “ความจน” ทั้ง 2 ประเภทแล้ว ดังนั้น จึงขอให้ทุกท่านได้ทดลองมาสำรวจตรวจสอบดูว่า เราจัดอยู่ในคนจนประเภทไหน ใน 2 จำพวกนี้ แล้วมาร่วมกันหาทางรักษาความจนกันให้ถูกวิธีต่อไปนะครับ…..

ใส่ความเห็น