pin up1 winaviator mostbetpinup casino1 winmostbet kzmosbet casinoaviatorlucky jet1 winpin up casino india1win slotlucky jet casinopinup az4r betmosbet indiamosbet aviatormostbet casino1win kz1 win4rabet indiapin-up kzmosbetmosbet1 win1win1win aviatorpin upparimatchlucky jet4rabetмостбет1win loginpin up 777mostbet1 вин авиаторpin uplucky jet1 winpin up4rabetpinupmosbet1 winmostbet azluckygetmostbetmosbetmostbet casino1wınparimatch

“เจริญสติ” ช่วยไทยฝ่าวิกฤตโควิด-19

สำหรับประเทศไทยของเรานั้น ถือว่าได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบในทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม สำหรับผลกระทบที่ประเทศไทยได้รบจากวิฤตโควิด-19 จำแนกออกเป็น ๕ ด้าน หลักๆ ดังนี้

1. ผลกระทบด้านการจ้างงาน 

เนื่องจากพิษโควิด-19 ระบาดอย่างรุนแรงและต่อเนื่องในประเทศไทย ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศภายในประเทศย่ำแย่ดิ่งเหวลงอย่างไม่เคยมีปรากฏมาก่อน สถานประกอบการร้านค้า ตลอดจนห้างร้านและ โรงงานต่างๆ ประสบกับความขาดทุน สูญเสียโอกาสในการแข่งขัน ไม่สามารถพยุงกิจการให้อยู่รอดเช่นเดิมได้อีกต่อไป ต่างก็พากันลดต้นทุนการผลิต ด้วยการลดเงินเดือน/ค่าตอบแทนพนักงาน/คนงาน  หรือเจ้าของสถานประกอบการ/โรงงานบางแห่งก็ตัดสินใจปลดพนักงานยกแผง เลิกจ้าง หรือปิดโรงงานและสถานประกอบการไปเลยก็มี เพราะไม่อาจแบกรับต้นทุนการผลิตที่ต้องจ่ายไปในทุกๆ เดือนเพื่อแลกกับผลการประกอบการที่ประสบกับภาวะขาดทุนได้อีกต่อไป จึงส่งผลโดยตรงต่อการจ้างงาน ทำให้มีการจ้างงานน้อยลง มีคนตกงานกันเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อเม็ดเงินที่หมุนในระบบเศรษฐกิจของไทย

            เมื่อมีคนตกงานหรือมีคนว่างงานมากขึ้น ก็ส่งผลให้การจับจ่ายใช้สอยของผู้คนลดลง ผู้คนไม่กล้าที่จะใช้จ่ายเงินในช่วงที่เศรษฐกิจเอาแน่เอานอนไม่ได้เช่นนี้ ส่งผลให้มีผู้คนต้องลำบากอดอยากแร้นแค้นเพิ่มมากขึ้น

2. ผลกระทบด้านการท่องเที่ยวและการบิน

แน่นอนที่สุด ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อการท่องเที่ยวในประเทศไทย เพราะต้องไม่ลืมว่า ระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยต้องพึ่งพาเม็ดเงินที่เป็นรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ เมื่อเกิดโรคระบาด รัฐบาลมีนโยบายปิดประเทศ มีการคัดกรองคนเข้า-ออกประเทศอย่างเข้มงวด ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง เพราะไม่กล้าเสี่ยงเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย ตลอดจนมีการปิดสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงนี้ค่อนข้างซบเซา และส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ของประเทศ

            สำหรับการบิน หรือธุรกิจการบินที่ต้องพึ่งพาอาศัยนักท่องเที่ยว นักลงทุน นักเดินทางที่ใช้บริการด้านคมนาคมขนส่งโดยเครื่องบิน และการอำนวยความสะดวกให้เดินทางเข้า-ออกระหว่างประเทศหรือภายในประเทศก็ได้รับผลกระทบไปแบบเต็มๆ เพราะนอกจากจะไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย แล้ว แม้แต่นักท่องเที่ยวชาวไทยที่จะเดินทางออกไปเที่ยวในต่างประเทศก็มีจำนวนลดลงพอๆ กัน

นอกจากนั้น การเดินทางโดยสารเครื่องบินด้วยเหตุผลอื่นที่ไม่ใช่เหตุผลเพื่อการท่องเที่ยวก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน ทำให้ธุรกิจการบินในช่วงวิกฤตโควิด-19 จัดเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

3. ผลกระทบด้านการส่งออก

ที่ผ่านมา ประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศที่สามารถส่งออกสินค้าทางการเกษตรได้เป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ระบาด จะเห็นได้ว่า การส่งออกของประเทศไทยประสบปัญหาเป็นอย่างมาก ยอดการส่งออกหดตัว เพราะยอดการสั่งซื้อจากต่างประเทศลดลง ประเทศคู่ค้ามองหาตลาดนำเข้าแห่งใหม่ที่สามารถส่งสินค้าได้ถูกกว่า คุณภาพดีกว่า การขนส่งรวดเร็วกว่า และมีความปลอดภัยจากปัญหาการปนเปื้อนของเชื้อโรคที่อาจมีปะปนไปกับผลิตภัณฑ์และสินค้าที่ส่งออกไปจากประเทศไทย ปัญหาการล็อกดาวน์ประเทศของประเทศคู่ค้า นอกจากนี้แล้วประเทศไทยยังประสบปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์สำหรับบรรจุสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ค่าระวางเรือสินค้าที่ถีบตัวสูงขึ้น ซึ่งกลายเป็นปัญหาใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวงการการส่งออกของไทย

4. ด้านการศึกษา

จะเห็นได้ว่า หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้ง 2 ระลอกที่ผ่านมา ปรากฏว่าส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อการศึกษาในประเทศไทย เพราะมีการประกาศปิดโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง และกินระยะเวลายาวนาน โดยเปิดโอกาสให้ครูผู้สอนและนักเรียนนักศึกษาดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนผ่านการศึกษาระบบทางไกล หรือการเรียนออนไลน์แทนการศึกษารวมกันในห้องตามกลไกการศึกษาปกติ

การศึกษาผ่านระบบออนไลน์ ดูเหมือนจะสามารถเข้ามาทดแทนการศึกษาในห้องเรียนตามปกติได้ แต่เมื่อเราพิจารณาจากต้นทุนของนักเรียน และพื้นฐานทางเศรษฐกิจและรายได้ของผู้ปกครองนักเรียนนักศึกษาแต่ละรายแล้วก็จะเห็นได้ว่า มีการเหลื่อมล้ำกันในเรื่องนี้ค่อนข้างสูง

นักเรียนนักศึกษาที่มีผู้ปกครองมีฐานะในระดับปานกลางถึงระดับดีเท่านั้น ที่จะสามารถสนับสนุนการเรียนในระบบออนไลน์ได้อย่างไม่ติดขัดปัญหาใดๆ เพราะการศึกษาในระบบดังกล่าว ต้องใช้ต้นทุนค่อนข้างสูง เช่น ผู้เรียนต้องมีแท็ปเลต โน้ตบุ๊ค คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (PC) มีโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน มีระบบกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ต เป็นต้น  ส่วนผู้เรียนที่ฐานะทางบ้านยากจนหรือขาดแคลน ก็มักจะประสบกับปัญหาและอุปสรรคต่อการเข้าถึงความรู้ด้วยระบบการศึกษาทางไกลผ่านวีดีโอ หรือที่เรียกกันจนติดปากว่า “การศึกษาออนไลน์”

ไม่เพียงแค่ของนักเรียนเท่านั้นที่ต้องเตรียมอุปกรณ์ไอทีต่างๆ ให้พร้อมสำหรับการรับความรู้จากผู้สอน แม้กระทั่งตัวครูอาจารย์ซึ่งเป็นผู้ที่ถ่ายทอดองค์ความรู้เอง ก็มีบ้างที่ประสบกับปัญหานี้เช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ผู้สอนไม่มีความพร้อมด้านอุปกรณ์สำหรับการสอนผ่านระบบออนไลน์ หรือ ผู้สอนไม่มีความรู้ความสามารถด้านการใช้เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ในการสอนผ่านระบบออนไลน์ ผู้สอนบางท่านต้องเริ่มเรียนรู้วิธีการสอนออนไลน์ตั้งแต่ต้น เพราะไม่เคยมีองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านการสอนออนไลน์มาก่อน ทำให้การถ่ายทอดความรู้ไปสู่ผู้เรียนเป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่นไม่สมูทสมบูรณ์อย่างที่ควรจะเป็น

5. ปัญหาด้านสุขภาพ

สำหรับปัญหาด้านสุขภาพนี้ ต้องยอมรับว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบในด้านลบเป็นอย่างมากต่อมวลมนุษยชาติในด้านสุขภาวะ จากการรายงานยอดผู้ติดเชื้อซึ่งมีมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นยอดผู้ติดเชื่อเฉพาะในประเทศไทยหรือยอดรวมผู้ติดเชื้อโดยภาพรวมทั้งโลก และก็เช่นเดียวกัน เมื่อมียอดผู้ติดเชื้อมากขึ้น ก็ส่งผลให้จำนวนยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของภาครัฐ รวมทั้งการปรับตัวของผู้คนในวิถีใหม่ (New Normal) ที่ลดความเสี่ยงต่อการติดและการแพร่กระจายเชื้อไปในวงกว้าง ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินชีวิตผู้คนไปอย่างสิ้นเชิง”

วิถีชีวิตและกิจกรรมในชีวิตประจำวันหลายๆ อย่าง ของผู้คนที่เคยทำได้ ก็กลายเป็นเรื่องที่ไม่สามารถกระทำได้ในช่วงการแพร่ระบาด โดยเฉพาะกิจกรรมที่มีกลุ่มคนสัมผัสใกล้ชิดกัน ต้องรวมกลุ่มกันจำนวนมากก็มักจะถูกห้าม ถูกยกเลิกหรือถูกงดเว้นไม่ให้มีการจัดกิจกรรมที่มีลักษณะเช่นนี้ขึ้น เพราะมีความเป็นห่วงและวิตกกังวลเรื่องการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 นั่นเอง

มาตรการสำหรับการป้องกันตนเองจากเชื้อโควิด-19 ยังคงเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการสวมหน้ากาก ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) การลดความแออัดของผู้คนที่มารวมตัวกันทำกิจกรรมต่างๆ ยังคงมีผลดีและสร้างความสบายใจในการระวังป้องกันการติดต่อและแพร่กระจายเชื้อได้เป็นอย่างดีในระดับหนึ่ง จนกว่าจะมั่นใจได้ว่า การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่กำลังทยอยดำเนินการฉีดให้กับประชากรของแต่ละประเทศอยู่ ณ ขณะนี้ จะสามารถป้องกันและรักษาผู้คนให้มีภูมิคุ้มกันและรักษาอาการให้หายขาดจากไวรัสโควิด-19 ได้อย่างแท้จริง

ดังนั้น การเจริญสติ ด้วยการหมั่นฝึกสติให้ยึดมั่นและไม่หลงลืมที่จะปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ผ่านมาตรการต่างๆ ที่สำคัญๆ ดังนี้

1. การใช้สติตักเตือนตนเองอยู่เสมอให้หมั่นสวมหน้ากากอนามัยป้องกันการรับเชื้อจากผู้อื่น และป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่น

2. การใช้สติตักเตือนตนเองอยู่เสมอให้หมั่นล้างทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์

3. การใช้สติตักเตือนตนเองอยู่เสมอให้หมั่นใส่ใจในการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ในพื้นที่สาธารณะต่าง ที่ต้องมีการใช้บริการจากคนหมู่มาก

4. การใช้สติตักเตือนตนเองอยู่เสมอให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่ที่มีผู้คนแออัดพลุกพล่าน

5. การใช้สติตักเตือนตนเองอยู่เสมอให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่น ผับ บาร์ ร้านคาราโอเกะ ร้านอาหารที่มีผู้คนอยู่แออัด ฯลฯ

6. การใช้สติตักเตือนตนเองอยู่เสมอให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

7. ใช้สติให้ความสำคัญการลงชื่อ และเบอร์โทรติดต่อไว้ให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการก่อนเข้าไปทำงานหรือใช้บริการจากหน่วยงานราชการและห้างร้านต่างๆ ทุกครั้ง เพื่อเป็นประโยชน์ในการติดตามไทม์ไลน์ และเพื่อประโยชน์ในการสอบสวนโรค

8. ใช้สติให้ความสำคัญกับการดาวน์แอพลิเคชั่นไทยชนะ หรือหมอชนะมาใช้ เพื่อดำเนินการเช็คอิน เช็คเอาท์ เช็คมาตรฐานของที่ทำงาน สถานที่ราชการ ห้างร้าน และสถานประกอบการต่างๆ ว่ามีมาตรการในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามที่รัฐบาลประกาศไว้หรือไม่ ตลอดจนการเช็คอุณหภูมิและอาการเบื้องต้นเพื่อให้แอพลิเคชั่นประมวลผล เพื่อประเมินอาการในเบื้องต้น เพื่อให้สามารถติดตามไทม์ไลน์ของแต่ละคนและประโยชน์อย่างยิ่งต่อการสอบสวนโรค

9. ใช้สติให้ความสำคัญทุกครั้งกับการวัดอุณหภูมิร่างกาย ก่อนผ่านเข้าไปในที่สาธารณะต่างๆ เป็นต้นว่า สถานที่ทำงาน สถานที่ราชการ ห้างร้าน สถานประกอบการ สถานที่จัดงานบุญต่างๆ

หากจะกล่าวโดยภาพรวมแล้ว “การเจริญสติ” ในที่นี้ก็หมายถึง การใช้สติใส่ใจในกฎระเบียบ และมาตรการต่างๆ ที่เป็นมาตรการสำหรับนำมาใช้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด อันเป็นการรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกันนั่นเอง”

และหากจะกล่าวอีกนัยหนึ่ง “การเจริญสติ” ก็หมายถึง การใช้สติระลึกรู้ให้ชัดถึงความเป็นจริงอย่างแจ้งประจักษ์แก่ใจ ให้จิตไม่ประหวั่นวิตกกังวล หวาดกลัว หรือประสบกับภาวะที่เครียดเกินไป อันเกิดจากปัญหาต่างๆ ที่เป็นผลพวงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังที่ได้กล่าวไปแล้วใน 5 ด้านข้างต้นนั้น จนอาจส่งผลในทางลบต่อร่างกายและจิตใจของผู้คน ซึ่งอาจมีผลที่เลวร้ายมากกว่าความร้ายกาจของเชื้อไวรัสโควิด-19 เสียอีกก็เป็นได้

ท้ายที่สุด เมื่อคนเราสามารถ “เจริญสติ” ให้มีความรับผิดชอบต่อตนเอง รับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี แล้ว ก็ย่อมที่จะทำให้ผู้ลดความเครียด ความหวาดกลัว ความวิตกกังวล มองเห็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา และสามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ไปได้

ดังนั้น ขอให้เราทุกคนตระหนัก และให้ความสำคัญกับการทำหน้าที่รับผิดชอบต่อตนเอง รับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการ “เจริญสติ” เพื่อช่วยให้คนไทยฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน”

“แพรวด้วยความรู้ พราวด้วยประสบการณ์”

ใส่ความเห็น