pin up1 winaviator mostbetpinup casino1 winmostbet kzmosbet casinoaviatorlucky jet1 winpin up casino india1win slotlucky jet casinopinup az4r betmosbet indiamosbet aviatormostbet casino1win kz1 win4rabet indiapin-up kzmosbetmosbet1 win1win1win aviatorpin upparimatchlucky jet4rabetмостбет1win loginpin up 777mostbet1 вин авиаторpin uplucky jet1 winpin up4rabetpinupmosbet1 winmostbet azluckygetmostbetmosbetmostbet casino1wınparimatch

เสาะหา… “ของกิน”

ของคาวหวาน ย่านราชวัตร

ในเย็นวันอังคาร ของวันที่ 15 ธ.ค. 63 หลังจากเลิกเรียนแล้ว กลับมาถึงห้องพัก ก็เกิดอาการหมดเรี่ยวหมดแรงอย่างเห็นได้ชัด อันเนื่องมาจากนอนพักผ่อนน้อยและเรียนหนักมาทั้งวัน หรืออาจจะเป็นเพราะอาการอดหลับอดนอนสะสม เหมือนร่างกายต้องการพักผ่อนนอนเอาแรงสักงีบ ก็เลยผล็อยหลับไปประมาณ 30 นาทีเห็นจะได้

ตื่นขึ้นมาอีกที เวลาก็ปาเข้าไปราว 18.40 น. ซึ่งน่าจะได้เวลาออกไปหาซื้ออะไรกินแก้หิว ซึ่งปกติแล้ว อาหารมื้อเย็นก็จะเป็นอาหารตามสั่งร้านที่ใกล้ที่สุด หรือไม่ก็แถวราชวัตร ศรีย่าน พิชัย อะไรแถวๆ นี้

แต่วันนี้พิเศษหน่อย ตอนเดินออกไปข้างนอก เห็นคนหิ้วถุงใส่ของกิน มีทั้งของคาว ของหวาน และผลไม้เดินผ่านมาเป็นกลุ่มๆ ก็เลยนึกได้ว่า “วันนี้น่าจะมีตลาดนัดรถไฟสามเสนหรือเปล่า แต่วันนี้เป็นวันอังคาร ตลาดนัดมีทุกวันเสาร์ และวันจันทร์นี่นา”

เอาจริงๆ แล้ว เป็นคนที่จำวัดนัดของตลาดนัดไม่ได้ แต่จำได้แน่ๆ ว่ามีทุกวันเสาร์ แต่วันอื่นจำสับสนปนแปกันไปหมด แต่เอาเถอะ ยังไงทดลองเดินไปดูหน่อยก็ไม่เสียหาย

เดินไปถึงบริเวณทางม้าลายข้ามถนนไปยังทางรถไฟ ก็มองเห็นแสงไฟส่องสว่างจากอีกฟากฝั่งของถนนบริเวณริมทางรถไฟ มีผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ มีร้านรวงวางของขายอยู่เป็นแนว คิดในใจว่า “นั่นไง ว่าแล้ว วันนี้ต้องมีตลาดนัด”

ยืนรอข้ามถนนบริเวณทางม้าลายอยู่เป็นนานสองนาน หาจังหวะที่รถน้อย หรือรถหยุดให้ข้ามถนนไม่ได้สักที สังเกตเห็นคนที่อยู่อีกฝั่งถนนก็กำลังจะข้ามมา เราเองก็กำลังจะข้ามไป รอเพียงแค่ให้มีจังหวะที่เหมาะสมเท่านั้น สักครู่หนึ่งใหญ่ๆ สังเกตเห็นรถฝั่งขวามือขาดช่วงอยู่ไกล และรถทางขวาก็แล่นแบบอ้อยอิ่งมาเป็นคันสุดท้าย คิดลุ้นอยู่ในใจว่า “รีบๆ หน่อยเถอะ พ่อเจ้าประคุณรุนช่อง ประเดี๋ยวรถทางฝั่งซ้ายก็วิ่งติดตามกันมาเป็นพรวน จังหวะที่จะได้ข้ามถนนไปก็อาจต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง”

พอรถฝั่งซ้ายมือแล่นมายังไม่ทันถึงบริเวณจุดที่ยืนรอข้ามถนนดีสักเท่าไหร่ ผมก็ก้าวท้าวลงถนนเดินไปให้ถึงเส้นแบ่งเลนบริเวณกลางถนนเสียก่อนเลย เพื่อว่าจะได้ให้พ้นรถฝั่งด้านขวาซึ่งกำลังแล่นติดตามกันมาด้วยความเร็วปานกลาง

เมื่อรถฝั่งซ้ายคันสุดท้ายที่แล่นมาด้วยอาการอ้อยอิ่งสำรวมระวังผ่านไป ผมก็สาวเท้าก้าวข้ามถนนไปอีกฝั่งได้อย่างสบายใจเฉิบและปลอดภัย

เดินข้ามทางรถไฟไปยังอีกฟาก ถึงบริเวณจุดเริ่มต้นตลาดนัดรถไฟ เห็นมีพ่อค้าแม่ค้ามาวางของขายอยู่มากมายหลัากหลายชนิด มีทั้งของกิน ของใช้ และอื่นๆ อีกมากมายให้ได้เดินเลือกชมและเลือกซื้อ

ผมเดินตั้งแต่ร้านแรกเรื่อยไปจนถึงร้านสุดท้ายของตลาดนัด เห็นของกินของใช้ที่น่าตื่นตาตื่นใจ มีผู้คนเดินเบียดเสียดแย่งทางเดินกันอย่างชุลมุนชุลเก เป็นบรรยากาศที่น่าตื่นเต้นดีอย่างบอกไม่ถูก

ในระหว่างที่เดินผ่านแต่ละร้านไปนั้น ก็ได้แต่ชื่นชมและสนอกสนใจเป็นอย่างดี แต่ก็ยังไม่สามารถตัดสินใจเลือกซื้ออะไรได้ เพราะวันนี้ตั้งใจจะมาเลือกซื้อกล้วยน้ำว้าสักหวีหนึ่ง เอาไปไว้กินตอนเช้าก่อนไปเรียน

ตลอดสองข้างทางตลาดนัดรถไฟ มีอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ และผลไม้วางขายเรียงรายอยู่มากมาย แต่กล้วยน้ำว้าเจ้ากรรมของเรากับไม่มีวางขายบ้างเลยซะอย่างงั้น นี่แหละเค้าว่า อะไรก็ตาม เวลาที่ต้องการ มักจะหาไม่ค่อยเจอ แต่เวลาที่เราไม่ต้องการนะ… กลับเสนอตัวเรียงหน้ามาให้เลือกสรรกันอย่างคับคั่ง

เดินไปจนถึงร้านสุดท้าย คือบริเวณที่ขายเสื้อผ้า ความจริงมีเสื้อโปโลคอปกที่น่าสนใจอยู่หลายตัวเหมือนกัน แต่ก็อดทนทำใจยังไม่ซื้อได้ จนมาถึงร้านขายสับปะรดใส่ถุง เหลืออยู่ 3 ถุง คือถุงเล็ก 2 ถุง และ ถุงใหญ่อีก 1 ถุง มองดูแล้วสีเหลือทองฉ่ำน้ำ รสชาติน่าจะหอมหวานน่าดู จึงเลือกซื้อถุงใหญ่ราคา 60 บาท ผู้ขายลดให้ 10 บาท เหลือถุงละ 50 บาทเท่านั้น

ได้สับปะรดมาแล้ว 1 ถุง เดินเลือกซื้อของไปอีกหน่อยหนึ่ง ก็มาเจอร้านหนึ่ง เจ้าของร้านกำลังนั่งขายกล้วยที่เหลืออยู่ประมาณ 2-3 หวี ดูหวีเล็กมากๆ แต่ละลูกดูลีบๆ สีไม่ค่อยสวยสดใสสักเท่าไร แต่ก็นะ ทั้งตลาดนัดก็มีแต่เพียงร้านนี้ร้านเดียวแหละที่มีกล้วยขาย ถ้าจะซื้อไปทดลองกินดูก็คงจะไม่ได้เสียหายอะไรมาก เพราะเห็นติดราคาไว้ว่าหวีละ 20 บาท ก็คงจะสมราคาแหละ เลยขอซื้อไป 2 หวี สูญเงินไปอีก 40 บาท ได้กล้วยไปกินอย่างที่ปรารถนาไว้ตั้งแต่แรก แต่ไม่รู้ว่ารสชาติจะแบบไหนอย่างไร อันนี้ ก็ต้องมารอลุ้นกันดูอีกทีครับ

ได้สับปะรด ได้กล้วยมาครบแล้ว ในระหว่างทางเดิน ก็มาเห็นข้าวผัดปูดูน่ากินร้านหนึ่ง ก็สั่งให้คนขายทำใส่กล่องกลับมากินที่ห้อง ในระหว่างที่รอให้คนขายทำข้าวผัดปูอยู่นี้ ก็ซ่อกแซ่กขอถ่ายรูปข้าวของในร้านมาอวดผู้อ่านได้ประมาณ 2-3 รูป ความจริงถ่ายได้หลายรูปกว่านั้น แต่มือไม่นิ่ง ภาพเลยสั่นมัวไปหมด เสียหายไปหลายภาพ น่าเสียดายยิ่งนัก

คนขายทำข้าวผัดปูใส่กล่องโฟมใส่ในถุงพลาสติกซ้อนยื่นให้พร้อมกับถุงน้ำปลา ช้อนพลาสติกสีขาว ชิ้นมะนาวฝาน และต้นหอมยื่นให้ บอกราคม 50 บาท จ่ายเงินค่าข้าวผัดปูแล้วก็เดินหิ้วถุงจากไป

เดินมาได้อีกหน่อยหนึ่ง เห็นร้านหนึ่งมีข้าวโพดต้มน้ำเกลือสีเหลืองทองอร่ามน่ากิน นึกอยากกินขึ้นมาตะหงิดๆ อดรนทนต่อความอยากภายในจิตใจเร่งเร้าไม่ไหว ควักเงินซื้ออีก 3 ฝัก สูญเงินอีก 20 บาท

เมื่อได้ของที่คิดว่าน่าจะครบทุกอย่างดังที่ตั้งใจแล้ว ก็รีบสาวเท้าเดินออกมาจากบริเวณนั้นอย่างไวๆ โดยระหว่างที่เดินอยู่นั้น ก็ได้แต่ปรายสายตามองร้านขายของต่างๆ ที่วางเรียงรายล่อใจอยู่นั้นแต่เพียงผ่านๆ มิเช่นนั้นอาจก่อให้เกิดการสูญเงินในกระเป๋าที่มีอยู่เพียงบางเบาได้อีกก็เป็นได้

เดินผ่านออกมาพ้นร้านค้าร้านสุดท้ายในตลาดนัดรถไฟได้แล้ว ก็เดินข้ามทางรถไฟ ข้ามถนนตรงทางม้าลายไปยังอีกฝั่ง เพื่อกลับเอาไปกินที่บ้านพัก คิดในใจว่า “แหม๊…ถ้าตัดสินใจซื้ออาหารจานเดียวกินแค่ 50 บาท ก็คงจบไปแล้ว ไม่ต้องมาเสียเงินซื้อนั่นซื้อนี่ ทีละอย่างสองอย่าง รวมๆ แล้ว นี่ก็ปาเข้าไปเกือบ 200 บาทแล้วครับ”

แต่ถามว่า “เข็ดไหม…” ก็ต้องบอกว่า “นานๆ ทีน่า” หากเงินพร้อม โอกาสพร้อม ก็คงไม่พลาดไปเดินซื้อของที่ตลาดนัดรถไฟแห่งนี้อีกแน่ๆ….

ใส่ความเห็น