เจริญสติ : เพื่อป้องกันโควิด-19

เจริญสติเพื่อป้องกันโควิด – 19

เจริญสติ น่าจะเป็นวิธีการที่ควรถูกนำมาใช้สำหรับการรับมือกับการป้องกันการรับเชื้อจากผู้อื่นและการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ไปสู่ผู้อื่นได้เป็นอย่างดี และเป็นสิ่งที่ควรตระหนักและให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ในวิกฤตการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้

การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาล โดยความรับผิดชอบของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค) กระทรวงมหาดไทย หรือตามมาตรการป้องกันและควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ถือเป็นแนวทางปฏิบัติที่ช่วยให้ทุกคนปลอดภัยและรอดพ้นจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้

ดังนั้น การที่จะปฏิบัติตามมาตรการป้องกันฯ ข้างต้นนั้นได้อย่างเคร่งครัด มีความเหมาะสม ถูกต้องและถูกวิธี จำเป็นต้องนำสติมาใช้ในการกำกับควบคุมทุกขณะจิต ทุกอิริยาบถ และทุกกิจกรรมในการดำเนินชีวิต เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอยู่รอดปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้นั่นเอง

หากทุกคนมีสติระลึกอยู่เสมอว่า ไวรัสโควิด-19 เป็นอันตรายและส่งผลกระทบในหลายๆ ด้านต่อทุกคน ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ ด้านเศรษฐกิจ การประกอบอาชีพ รายได้ รวมถึงการทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งเป็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ตามปกติของของทุกคนแล้ว ก็ควรใช้สติระมัดระวังคอยย้ำเตือนตัวเองให้หมั่นปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ไม่ละเลย ละเว้น ท้าทาย หรือจงใจไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันฯ อย่างเด็ดขาด ทำได้อย่างนี้ ก็เท่ากับว่าได้ใช้สติระลึกรู้ ตระหนักรู้ ให้ความสำคัญ และไม่ประมาทในการทำอะไรที่เสี่ยงต่อการรับเชื้อหรือการแพร่กระจายเชื้อ

ดังนั้น ทุกคนจึงควรมีสติ เรียกใช้สติ นำสติมากำกับควบคุมให้ทุกๆ อิริยาบถ ทุกกิจกรรม ทุกสังคม ทุกสถานที่ที่เราเข้าไปเกี่ยวข้องหรือมีส่วนร่วมนั้นปลอดภัยปราศจากเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่น

            1. มีสติ ไม่พลั้งเผลอ ไม่ละเลยการสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง ในเวลาที่ออกจากบ้าน อยู่ในที่ทำงาน ทำกิจกรรมซึ่งมีคนจำนวนมากๆ หรือการเดินทางไปในที่สาธารณะต่างๆ

            2. มีสติ ไม่พลั้งเผลอ ไม่ละเลยการวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้ารับการบริการสาธารณะ ณ บริเวณทางเข้าจุดรับบริการ เพื่อให้ทราบระดับอุณหภูมิร่างกายว่า มีระดับสูงอยู่ในเกณฑ์เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสหรือไม่ เพราะถ้าหากผู้เข้ารับบริการสาธารณะท่านใด ที่มีระดับอุณหภูมิสูงเกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ก็ถือว่ามีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือให้สันนิษฐานก่อนว่า บุคคลนั้นอาจติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้วก็เป็นได้ ให้ทำการปฏิเสธการให้บริการกับบุคคลคนนั้นเสียก่อน ทำการจดบันทึกข้อมูลไว้ แล้วดำเนินการติดต่อส่งตัวเข้ารับการตรวจหาเชื้อ เพื่อยืนยันว่า เป็นผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส     โควิด-19 หรือไม่ ต่อไป

            3. มีสติ ไม่พลั้งเผลอ ไม่ละเลยการจดบันทึกชื่อ ข้อมูลการเดินทางของบุคคล ว่า ชื่ออะไร เดินทางมาจากที่ใดก่อนมารับบริการ ณ สถานที่แห่งนี้ และใช้เวลาในการรับบริการเป็นเวลาเท่าใด รวมถึงขอทราบเบอร์โทรศัพท์เพื่อติดต่อในกรณีที่ต้องมีการติดตามไทม์ไลน์การเดินทางไปยังที่ต่างๆ ของบุคคลนั้นในเวลาที่มีความจำเป็นต้องสอบสวนโรค เป็นต้น

            4. มีสติ ไม่พลั้งเผลอ ไม่ละเลยการสแกนคิวอาร์โค้ดแอพพลิเคชั่นไทยชนะ หรือแอพพลิเคชั่นหมอชนะ เพื่อจะได้ทราบไทม์ไลน์ของบุคคลแต่ละบุคคลที่เดินทางไปทำกิจกรรม ณ สถานที่ต่างๆ ในห้วงเวลาต่างๆ เพื่อทราบได้ถึงข้อมูลและมาตรการในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของสถานที่ต่างๆ ด้วยรวมถึงให้ทุกคนได้ดำเนินการสำรวจตรวจตราตนเองว่า ได้เดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงหรือไม่ ทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือไม่ พูดคุยหรือสัมผัสกับผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสหรือไม่ หรืออุณหภูมิของร่างกาย ณ ขณะนี้ อยู่ในระดับที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อแล้วหรือไม่ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ ก็จะเป็นประโยชน์สำหรับนำไปใช้ในการสืบสวนสอบสวนโรค เพื่อหาวิธีการระวังป้องกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้ได้ นั่นเอง

            5. มีสติ ไม่พลั้งเผลอ ไม่ละเลยการหมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง ก่อนเข้ารับบริการ หรือก่อนทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว เจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ ก็มีไว้ให้บริการ ณ จุดต่างๆ ทั่วทุกบริเวณทางเข้าจุดรับบริการแทบจะทุกสถานที่อยู่แล้ว หรือบางคนก็อาจจะมีเจลแอลกอฮอล์ชนิดพกพาส่วนตัว เพื่อนำไปใช้ล้างมือฆ่าเชื้อได้ในทุกที่ทุกเวลาก็มี

            6. มีสติ ไม่พลั้งเผลอ ไม่ละเลยการปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) โดยการไม่เข้าไปอยู่ในสถานที่ที่มีความแออัด เช่น นั่งใกล้กันเกินไป ยืนใกล้กันเกินไป เดินใกล้กันเกินไป หรือใกล้ชิดกันมากจนเกินไป จนอาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อระหว่างกันได้ โดยควรยืนหรือนั่งเว้นระยะห่างระหว่างกันประมาณ 1-2 เมตร เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อจากการสัมผัส การไอ และการจากบุคคลหนึ่งไปสู่อีกบุคคลหนึ่ง

            นอกจากนั้น ยังมีมาตรการป้องกันในรูปแบบอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่มีไว้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งสิ้น

            ดังนั้น การที่ทุกคนมีสติ ให้ความสำคัญกับทุกๆ อิริยาบถ ทุกๆ กิจกรรม ทุกๆ มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นอย่างเคร่งครัด ไม่พลั้งเผลอ ไม่หลีกเลี่ยง ไม่ละเลยที่จะปฏิบัติตาม ทำได้อย่างนี้ ถือว่าสามารถใช้สติอย่างไรให้ป้องกันโควิด-19 ได้ดียิ่งขึ้นอย่างแน่นอน…

“แพรวด้วยความรู้ พราวด้วยประสบการณ์”